- 08 เม.ย. 2568
เกินคาด ความแตกต่าง "ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี - ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" เปรียบเทียบกันชัดๆ บทบาท - หน้าที่ - เงินเดือน
"รัฐบาลแพทองธาร" เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ โดยในช่วงนี้หลายคนอาจสังเกตเห็นรายชื่อบุคคลที่ปรากฏในข่าวหรือเอกสารราชการที่ขึ้นต้นว่าเป็น "ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" หรือ "ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" ซึ่งแม้ว่าชื่อจะคล้ายกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองตำแหน่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่กฎหมาย บทบาท หน้าที่ และสถานะในระบบราชการ
- "ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" คืออะไร?
"ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" เป็นตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายชัดเจน การแต่งตั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยหน้าที่หลักของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคือการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายต่อ "นายกรัฐมนตรี" โดยตรง
- คุณสมบัติและหน้าที่
ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในเชิงนโยบาย
มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมบางประเภทในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ
สามารถมีได้ไม่เกิน 5 คน ต่อ 1 นายกรัฐมนตรี (ตามกฎหมาย)
- ค่าตอบแทน
ได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับข้าราชการการเมือง
ปัจจุบันได้รับเงินเดือน 71,230 บาทต่อเดือน (ตามประกาศคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนข้าราชการการเมือง)
- "ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" คืออะไร?
แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ "ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" ไม่ได้มีสถานะเป็นข้าราชการการเมือง และไม่ได้มีฐานะทางกฎหมายตายตัว เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งขึ้นโดยตรงจากนายกรัฐมนตรีเพื่อให้คำปรึกษาเฉพาะทางตามดุลยพินิจ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
- ลักษณะเฉพาะ
ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้อย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งกี่คนก็ได้
ใช้เพื่อให้คำแนะนำในประเด็นเฉพาะหรือโครงการเฉพาะกิจ
- ค่าตอบแทน
ไม่ได้รับเงินเดือนแบบข้าราชการการเมือง
ในบางกรณี อาจได้รับค่าตอบแทนพิเศษ เบี้ยประชุม หรือเบี้ยเลี้ยงตามความเหมาะสมที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ความแตกต่างของ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กับ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
- ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
มีสถานะเป็น ข้าราชการการเมือง
การแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีเสนอ ครม. เห็นชอบ
ต้องประกาศในราชกิจจาฯ
ค่าตอบแทน ได้รับเงินเดือนประจำ
จำนวนสูงสุด ไม่เกิน 5 คน
บทบาทหน้าที่ คือ ให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ
- ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
ไม่มีสถานะตามกฎหมาย
แต่งตั้งโดยตรงจากนายกรัฐมนตรี
ไม่ต้องประกาศในราชกิจจาฯ
ค่าตอบแทน อาจได้รับ หรือไม่ได้รับเลย
จำนวนสูงสุด - ไม่จำกัด
บทบาทหน้าที่ ให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน
- ทำไมถึงมีทั้งสองตำแหน่ง?
การมีทั้ง "ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" และ "ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" ช่วยให้นายกรัฐมนตรีสามารถดึงผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามาช่วยคิด วิเคราะห์ และผลักดันนโยบายได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องติดกรอบการแต่งตั้งตามระบบราชการการเมืองทั้งหมด ซึ่งสามารถแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ เทคโนโลยี หรือกิจกรรมทางสังคม เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเด็นเฉพาะ
- ยกตัวอย่างในรัฐบาลแพทองธาร
ณ วันที่ 5 เมษายน 2568 มีการรายงานจากสื่อหลายแห่งว่า รัฐบาลแพทองธารได้แต่งตั้งทั้ง "ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" และ "ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" แล้ว โดยบางคนได้รับการแต่งตั้งเป็น "ข้าราชการการเมือง" และมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขณะที่อีกกลุ่มเป็นบุคคลใกล้ชิดที่มีบทบาทสนับสนุนแนวคิดหรือนโยบายบางอย่างของนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ
- ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
- พันศักดิ์ วิญญรัตน์ - ประธานคณะที่ปรึกษานโยบาย
- สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
- ศุภวุฒิ สายเชื้อ
- ธงทอง จันทรางศุ
- พงศ์เทพ เทพกาญจนา
นอกจากนี้ยังมี ชัยเกษม นิติสิริ และ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะข้าราชการการเมือง
- ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
- จิรายุ ห่วงทรัพย์ - ด้านการประชาสัมพันธ์
- ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส - ด้านกฎหมาย
- ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - อดีตโฆษกรัฐบาลและนักการเมือง