เปิดพิกัด เฝ้าระวัง "โรคพิษสุนัขบ้า" หลังพบแมวถูกหมากัด ก่อน แสดงอาการ

แจ้งจุดเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในแมว หลังพบ แมวเริ่มแสดงอาการเข้าข่ายสงสัยโรคพิษสุนัขบ้า ลิ้นห้อย น้ำลายไหล กระวนกระวาย ดุร้าย เสียงร้องเปลี่ยน

เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคใต้ตอนบน ประกาศแจ้งเตือนประชาชน แจ้งจุดเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในแมว หลังพบ แมวเริ่มแสดงอาการเข้าข่ายสงสัยโรคพิษสุนัขบ้า ระบุว่า

เปิดพิกัด เฝ้าระวัง "โรคพิษสุนัขบ้า" หลังพบแมวถูกหมากัด ก่อน แสดงอาการ

แจ้งจุดเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในแมว

แมว (68J00806) เพศผู้ อายุ 5 เดือน ไม่เคยทำวัคซีน ถูกสุนัขกัดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ผู้เลี้ยงสังเกตุพบว่าแมวเริ่มแสดงอาการเข้าข่ายสงสัยโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 (ลิ้นห้อย น้ำลายไหล กระวนกระวาย ดุร้าย เสียงร้องเปลี่ยน) ในระยะสุดท้ายแมวแสดงอาการอัมพาต และตายในวันที่ 19 มกราคม 2568

เปิดพิกัด เฝ้าระวัง "โรคพิษสุนัขบ้า" หลังพบแมวถูกหมากัด ก่อน แสดงอาการ

เปิดพิกัด เฝ้าระวัง "โรคพิษสุนัขบ้า" หลังพบแมวถูกหมากัด ก่อน แสดงอาการ

โรคพิษสุนัขบ้า: ภัยใกล้ตัวที่ต้องระวัง

โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลที่ถูกสัตว์กัด ข่วน หรือเลีย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โรคนี้จะทำลายระบบประสาทส่วนกลางจนถึงขั้นเสียชีวิต

สาเหตุ

เชื้อไวรัสเรบีส์: เชื้อไวรัสชนิดนี้พบได้ในสัตว์เลือดอุ่นหลายชนิด เช่น สุนัข แมว ค้างคาว วัว ลิง ชะนี กระรอก กระต่าย รวมถึงหนู

การติดต่อ: เชื้อจะแพร่กระจายผ่านทางน้ำลายของสัตว์ติดเชื้อ เมื่อสัตว์กัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีบาดแผล หรือเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุตาหรือปาก

อาการ

ระยะฟักตัว: อาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-3 เดือน หรือมากกว่า

ระยะแรก: ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คันบริเวณแผล

ระยะต่อมา: กลัวน้ำ กลัวลม กลัวเสียงดัง ชักกระตุก กลืนลำบาก เหงื่อออกมาก และอาจมีอาการประสาทหลอน

ระยะสุดท้าย: อัมพาต และเสียชีวิต