ความจริงปรากฏ สาวใหญ่วัย 52 อ้างถูกชาย10คนโทรมเกือบทุกวัน สุดท้ายโอละพ่อ

กรณี กัน จอมพลัง เผยเคสหญิงถูกชายโทรม นับ10คน อ้างมีวิชา หูทิพ ตาทิพ มีอาคมบังตาล่องหนหายตัว โดย ตำรวจทักมาขอให้ผมช่วย มีหญิงอ้างว่าถูกชายนับ 10 คน โทรมเกือบทุกวันเข้ามาแจ้งความบ่อยครั้ง ให้ข้อมูลว่าทุกคนที่รุมโทรมมีวิชา หูทิพย์ ตาทิพย์ มีอาคมบังตาล่องหนหายตัว คาถาสะกดความคิด กำหนดจิต แถมจับเธอมัดมือมัดเท้า ห่อตัว เธอไว้ด้วย

ทุกครั้งหญิงจะถูกร่ายมนให้หลับบังคับจิตให้เชื่อตามที่สั่งได้และจะถูกกระทำตอนหลับ แถมเธออ้างถูกถ่ายคลิปไปปล่อยต่อด้วย ตำรวจได้ส่งตรวจตามขั้นตอนทุกอย่างแต่หญิงยังไม่พอใจบอกว่า กันจอมพลังช่วยได้ อยากให้กันจอมพลังมาช่วย พร้อมจะเปิดบ้านให้ดู ผมดูข้อมูลหลังบ้านพบผู้หญิงคนนี้ส่งมาขอให้ช่วยด้วยโดยส่งภาพ กกน. ที่เลอะมาให้ผมเป็นหลักฐาน

ล่าสุด 2 มี.ค.68  กัน จอมพลัง พร้อมด้วย นายธนกฤต จิตอารีรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  และ หมอปลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งภายในพื้นที่ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซอยนวมินทร์ 42 เขตบึงกุ่ม หลัง ร.ต.อ.สงวนศักดิ์ เจียมสงวนวงค์ รองสารวัตรสืบสวน ติดต่อกัน จอมพลัง ว่า ป้าวัย52ปี ร้องขอตำรวจช่วยประสานกัน จอมพลัง มาช่วยเหลือ โดยอ้างว่าตนเองถูกรุมโทรมจากชายแปลกหน้าร่วม 10 คน เกือบทุกวันมานานกว่า 2 ปี

โดยร.ต.อ.สงวนศักดิ์ เปิดเผยว่า น.ส.หนิง (นามสมมติ) เข้ามาแจ้งความครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ซึ่งตนเองได้รับแจ้งความและส่งตัวตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศเพื่อเป็นหลักฐานที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ผลตรวจร่างกายกลับไม่พบร่องรอยการถูกขืนใจแต่อย่างใด  ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่แจ้งผลกับน.ส. หนิง ไม่พอใจแต่ก็ยอมกลับบ้าน 

หลังจากนั้นน.ส.หนิง ก็เดินทางมาแจ้งความ ที่สน.บึงกุ่มอีกหลายครั้ง มากกว่า 10 ครั้ง โดยยังคงเล่าเนื้อเรื่องในลักษณะเดิมว่าถูกผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นกายทิพย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกันรุมโทรมเกือบทุกวัน พร้อมทั้งร้องขอให้ส่งตรวจร่างกายอีก ทางพนักงานสอบสวนจึงส่งตรวจร่างกายอีก 2 ครั้ง ที่รพ.ตำรวจ คือ วันนี้ 29 มิถุนายน 2566 และวันที่ 3 ธ.ค.2567 รวมถึงได้เกลี้ยกล่อมให้นางสาวหนิง เข้ารับการตรวจสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2566

ซึ่งผลตรวจยืนยันว่า น.ส.หนิงป่วยจิตเภท จริง และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าตัวไม่ยอม และยังคงมีพฤติกรรมแบบเดิม จึงได้พยายามติดต่อพี่ชายของน.ส.หนิง แต่ติดต่อไม่ได้ 

ซึ่งไม่ใช่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น นิติบุคคลของหมู่บ้านเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากน.ส. หนิงได้เข้าไปพยายามขอภาพกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านอยู่บ่อยครั้งแต่ทางนิติบุคคลไม่มีภาพที่เจ้าตัวต้องการ 

ภายหลังการลงพื้นที่ กัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ระบุว่า จากการได้พูดคุยกับตำรวจ พบน.ส. หนิงได้มีการไปร้องเรียนกับทางตำรวจสน.บึงกุ่ม อยู่เป็นประจำ โดยหลังจากที่พูดคุยกับตำรวจ ทุกคนสงสารและเข้าใจถึงอาการ ซึ่งหากสามารถพาไปรักษาได้จะเป็นเรื่องที่ดี และน.ส. หนิง ต้องการให้มาที่บ้านตนจึงได้มีการประสานกับนายธนกฤต และหมอปลาเพื่อมาลงพื้นที่ 

ด้านหมอปลา ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตนไม่พบสิ่งผิดแปลก แต่โดยปกติอาการลักษณะนี้จะมีอาการจากการเสพยาเสพติด หรือกินยาลดน้ำหนัก แต่น.ส.หนิง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พูดมา แต่อาจจะเกิดจากความเครียด ทั้งนี้สิ่งที่น่าสงสารคือหากใครที่มีญาติที่เป็นลักษณะนี้ อย่ารู้สึกอายแต่ควรพาเขาไปรักษา การปฏิเสธว่าไม่รู้จักยิ่งจะทำให้คนป่วยยิ่งเครียดหนักขึ้นอีก พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด.