- 01 เม.ย. 2568
เปิดคำสารภาพ "ลุงสมนิจ" ยกมือไหว้ สาเหตุกุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม
วันนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ได้สอบปากคำนายสมนิจ ดวงเนตร อายุ 50 ปีภายหลังจากที่นางสาวกรวิภา สอนบุปผา อายุ 25 ปี ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังถูกนำชื่อไปแอบอ้างว่าภรรยาที่กำลังท้องลูกสาวอายุครรภ์ 4 เดือน ทำงานเป็นเสมียน โซนออฟฟิศชั้น 4 ของอาคารที่กำลังก่อสร้าง
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้มีความเป็นห่วงเรื่องที่มีกระแสข่าว จึงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ ซึ่งได้ยืนยันข้อเท็จจริงสิ่งที่นายสมนิจให้ข่าวออกไปเป็นเท็จไม่เป็นความจริงอาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อและได้มาซึ่งทรัพย์สิน และให้ติดตามตัวนายสมนิจ เพราะเชื่อว่ายังอยู่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ โดยช่วงเย็นนายสมนิจได้เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ไปยังหมอชิต เชื่อว่ามีเจตนาน่าจะหลบหนี เพราะเริ่มเป็นข่าวว่าตัวเองกุเรื่องขึ้นมา ทั้งนี้ทางผู้เสียหายได้มาแจ้งความไว้ในข้อหา "ฉ้อโกง, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้สอบปากคำไว้
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ไลฟ์สดหลงเชื่อให้เงินกับนายสมนิจ 10,000 บาท ก่อนจะทราบในภายหลังว่าเป็นเรื่องโกหกไม่เป็นความจริง จึงได้เงินจำนวนนี้คืน แต่ความผิดในข้อหาฉ้อโกงสำเร็จแล้ว ตำรวจจึงติดต่อหาผู้เสียหายให้มาแจ้งความเรื่องฉ้อโกง
จากการค้นตัวพบบัตรบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของผู้เสียหายที่นายสมนิจอ้างว่าเก็บได้แถวถนนลาดพร้าวได้พกติดตัวไว้ตลอดและอ้างว่าผู้เสียหายเป็นภรรยา ซึ่งไม่เป็นความจริงโดยทางผู้เสียหายได้คืนบัตรพนักงานตั้งแต่ปี 2562
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับนายสมนิจทุกข้อหาในทุกความผิดที่พบ และฝากเตือนไปยังประชาชนหรือบุคคลใดก็ตามที่จะใช้โอกาสที่มีผู้ประสบภัยเป็นเครื่องมือทำมาหากิน การอ้างเหตุหลอกลวงสร้างความสงสารและความเห็นใจ เล่นกับความรู้สึกที่ต้องการทรัพย์สินหรือสิ่งอื่นใดจากการรับบริจาค เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากออกตามสื่อจะผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 จึงไม่อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างหรือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
ด้านหัวหน้างานของผู้เสียหาย กล่าวว่า ผู้เสียหายไม่ทราบเรื่อง เพิ่งมาทราบช่วงกลางวันที่ผ่านมา จึงมาแจ้งความที่สถานีตำรวจ อยากให้ประชาชนเสพข่าวอย่างมีสติ ให้ค้นหาความจริงอย่างละเอียดก่อน เพราะเป็นผลลบกับผู้เสียหาย ทั้งความรู้สึก รวมไปถึงครอบครัวที่ทราบข่าว ลุงโกหกคนทั้งประเทศ
จากการตรวจสอบพบว่าในปี 2558 นายสมนิจมีประวัติในข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ทั้งนี้นายสมนิจยกมือไหว้ ขอโทษผู้เสียหาย ขอโทษสื่อมวลชน และประชาชน พร้อมยืนยันไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวง เพียงบอกว่า ตนเองมีปัญหาเรื่องสติปัญญา จึงได้พูดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบนั้นไป ส่วนบัตรดังกล่าวตนเองเก็บได้แถวห้างย่านลาดพร้าว
เมื่อนานมาแล้ว ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนที่ติดดื่มสุรา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาที่จะเรียกความสงสารเพื่อได้เงิน หลังจากนี้หากตนเองพ้นโทษจะไปบวชให้ผู้เสียหาย