ไฟเขียว ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง เหลือ 0.01% เริ่มใช้เร็วๆ นี้

ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการลดค่าจดทะเบียนโอน-จำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% สำหรับบ้าน-คอนโดฯ-อาคารพาณิชย์ ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท

ไฟเขียว ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง เหลือ 0.01% เริ่มใช้เร็วๆ นี้ ข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือเพียง 0.01% จากเดิมที่ต้องจ่ายในอัตราปกติ ซึ่งมาตรการนี้ครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมถึงวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์

ไฟเขียว ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง เหลือ 0.01% เริ่มใช้เร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการสำคัญเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยอนุมัติการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง ให้เหลือเพียงร้อยละ 0.01

 

กลุ่มเป้าหมาย ผู้ซื้อซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และผู้ขายที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์และห้องชุด ในราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2569

 

สำหรับวิธีดำเนินการ ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา ไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน

 

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมถึงส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศให้เกิดการจ้างงานและการผลิต

 

สอดรับกับมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยบรรเทาปัญหาอุปทานคงค้างที่อยู่ในระดับสูง