- 10 เม.ย. 2568
หมอธีระวัฒน์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ออกมาโพสต์ข้อความในหัวข้อ "น้ำมันพืช" ชนิดไหน ปลอดภัยต่อสุขภาพ หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
หมอธีระวัฒน์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
ทำไมน้ำมันพืช ต้องเลือกและปรับเปลี่ยน
(น้ำมันหมูกลับดี)
น้ำมันเมล็ดพืชกลายมาเป็นอาหารหลักของชาวอเมริกัน-ไทย เนื่องจากต่างจากไขมันวัว หมูซึ่งประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวที่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล
น้ำมันเมล็ดพืชมีไขมันไม่อิ่มตัวที่สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลได้ ในทางทฤษฎี นั่นหมายความว่าน้ำมันเมล็ดพืช”ควร”ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้
แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดพืชแต่ละชนิดมีผลต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจแตกต่างกัน
นอกจากนี้ น้ำมันเมล็ดพืชยังแสดงให้เห็นว่าเพิ่มความเสี่ยงของอาการไมเกรนอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นเพราะน้ำมันเมล็ดพืชมีกรดไขมันโอเมก้า 6 สูง ไขมันเหล่านี้อาจเพิ่มการอักเสบ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นและอาจเป็นอันตรายได้
คุณหมอ Mary J. Scourboutakos ปริญญาเอกด้านโภชนาการ, University of Toronto นำข้อมูลวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการล่าสุดมาปรับใช้เป็นคำแนะนำด้านโภชนาการสำหรับผู้ป่วย เมื่อพูดถึงน้ำมันเมล็ดพืช การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลกระทบต่อสุขภาพมีความแตกต่างกันมาก
น้ำมันเมล็ดพืชเข้ามามีบทบาทในอาหารได้อย่างไร น้ำมันเมล็ดพืชซึ่งมักถูกเรียกอย่างสับสนว่าเป็น "น้ำมันพืช" ก็คือน้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดพืชตามชื่อนั่นเอง ซึ่งต่างจากน้ำมันมะกอกและน้ำมันมะพร้าวที่สกัดมาจากผลไม้ น้ำมันเมล็ดพืช8 ชนิด ได้แก่ น้ำมันคาโนลา ข้าวโพด ถั่วเหลือง เมล็ดฝ้าย เมล็ดองุ่น ดอกทานตะวัน ดอกคำฝอย และรำข้าว เมื่อแยกแยะส่วนประกอบ ความจริงควรใช้ได้น้อยมาก
น้ำมันเหล่านี้เข้ามามีบทบาทในอาหารของมนุษย์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากการประดิษฐ์เครื่องอัดแบบสกรูเชิงกลในปี 1888 ซึ่งทำให้สามารถสกัดน้ำมันจากเมล็ดพืชได้ในปริมาณสูง
ระหว่างปี 1909 ถึง 1999 การบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1,000 เท่า การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้องค์ประกอบทางชีวภาพของเราในทางพื้นฐาน เปลี่ยนแปลงไป
ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ความเข้มข้นของกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่ชาวอเมริกันมีอยู่ในเนื้อเยื่อไขมันเพิ่มขึ้น 136%
อาหารที่มีอัตราส่วน โอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 สูงนั้นเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพหลายประการ ความแตกต่างของอัตราส่วนนี้ในน้ำมันเมล็ดพืชอาจอธิบายได้ว่าทำไมน้ำมันเมล็ดพืชบางชนิดกลับไม่ป้องกันอาการหัวใจวายและการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ อัตราส่วนโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า3
น้ำมันเมล็ดองุ่น 696:1
น้ำมันเมล็ด ฝ้าย 257:1
น้ำมันดอกทานตะวัน 125:1
น้ำมันดอกคำฝอย 91:1
น้ำมันข้าวโพด 50:1
น้ำมันรำข้าว 21:1
น้ำมันถั่วเหลือง 8:1
น้ำมันคาโนลา 2:1(ที่มา: USDA Food Data Central)
โอเมก้า 6 มีแนวโน้มที่จะผลิตโมเลกุลที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ กรดไขมันโอเมก้า 3 มีแนวโน้มที่จะผลิตโมเลกุลที่ลดการอักเสบ ปัจจุบัน ผู้คนบริโภคโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ถึง 15 เท่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคน้ำมันเมล็ดพืชที่เพิ่มขึ้น
การศึกษาวิจัยได้เชื่อมโยงอัตราส่วนโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 ที่เพิ่มขึ้นกับภาวะต่างๆ มากมาย เช่น อาการผิดปกติทางอารมณ์ อาการปวดเข่า อาการปวดหลัง อาการปวดประจำเดือน และแม้แต่การคลอดก่อนกำหนด กรดไขมันโอเมก้า 6 ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ระดับโอเมก้า 6 ในปริมาณสูง และอัตราส่วนโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 ในน้ำมันเมล็ดพืชแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกคำฝอยและน้ำมันดอกทานตะวันมีอัตราส่วน 125:1 และ 91:1
ส่วนน้ำมันข้าวโพดมีอัตราส่วน 50:1
ในขณะเดียวกัน น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันคาโนลามีอัตราส่วนที่ต่ำกว่าที่ 8:1 และ 2:1 ตามลำดับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต