"หมอเจด" เตือนแล้วนะ 5 อาหารกินคู่กัน เสี่ยงอ้วน เบาหวานไม่รู้ตัว

"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ให้ความรู้ด้านสุขภาพ เตือนระวัง 5 อาหารกินคู่กัน เสี่ยงอ้วน เบาหวานไม่รู้ตัว!

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 "หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้โพสต์เฟซบุ๊กให้ความรู้ด้านสุขภาพ เตือนระวัง 5 อาหารกินคู่กัน เสี่ยงอ้วน เบาหวานไม่รู้ตัว โดยระบุว่า หลายคนยังเข้าใจว่า "เบาหวาน" หรือ "อ้วนง่าย" มาจากการกินน้ำตาลเยอะอย่างเดียว เลยพยายามตัดหวาน ตัดข้าว ตัดของหวานสุดชีวิต แต่พุงก็ยังอยู่ น้ำตาลก็ยังพุ่ง จนเริ่มสงสัยว่า เอ๊ เรากินผิดตรงไหน

 

หมอเจด เตือนแล้วนะ 5 อาหารกินคู่กัน เสี่ยงอ้วน เบาหวานไม่รู้ตัว

ความจริงคือ ไม่ใช่แค่น้ำตาลเท่านั้นที่ส่งผลเสียนะครับ แต่เมื่อไหร่ที่เรากิน "คาร์โบไฮเดรต" กับ "ไขมัน" พร้อมกันเยอะๆ โดยเฉพาะจากอาหารแปรรูป หรือฟาสต์ฟู้ด ร่างกายเรามีกลไกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Randle Effect วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่า Randle Effect คืออะไร เกิดขึ้นยังไง และที่สำคัญเราจะจัดการกับมันได้ยังไงบ้างแบบไม่ต้องเครียด


1. ถ้ากินไขมันเยอะ ร่างกายจะลดการใช้กลูโคส

ลองนึกภาพว่าเรากินอาหารที่มันๆ เช่น หมูสามชั้นทอด ชีส เบอร์เกอร์ หรือข้าวมันไก่หนังเน้นๆ ไขมันพวกนี้จะถูกย่อยเป็น กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acids) แล้ววิ่งเข้าสู่กระแสเลือด พอร่างกายเจอกรดไขมันเยอะๆ มันก็จะเอาไขมันนี่แหละไปเผาผลาญก่อน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันจะไป ขัดขวางการใช้กลูโคส (น้ำตาล) โดยเฉพาะไปยับยั้งเอนไซม์ตัวนึงที่ชื่อว่า Pyruvate Dehydrogenase (PDH) ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการเผาผลาญคาร์บ ผลตามมาคือ

 

 

  • น้ำตาลที่เรากินเข้าไปไม่ได้ถูกใช้ → เลือดมีน้ำตาลสูงขึ้น
  • อินซูลินต้องหลั่งออกมาเยอะขึ้นเพื่อพยายามเคลียร์น้ำตาล
  • ทำบ่อยๆ เข้า ร่างกายจะเริ่ม "ไม่ฟังอินซูลิน" → ดื้อต่ออินซูลิน

 

2. ถ้ากินคาร์บเยอะ ร่างกายจะลดการใช้ไขมัน

ในอีกมุม ถ้าเรากินคาร์บเยอะๆ แบบข้าวขาว ขนมปัง น้ำหวาน เค้ก หรือน้ำอัดลม ร่างกายจะตอบสนองด้วยการหลั่งอินซูลินออกมา ช่วยดึงน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่อินซูลินไม่ได้หยุดแค่ดึงน้ำตาลนะ มันยังไป เบรคการใช้ไขมัน ด้วย โดยไปยับยั้งเอนไซม์ชื่อ Hormone-Sensitive Lipase (HSL) ที่ใช้ในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย หมายความว่า

 

  • ไขมันที่อยู่ในตัวเรา ถูกเก็บไว้ ไม่ได้ถูกเผา
  • พลังงานที่ได้ใช้มาจากคาร์บอย่างเดียว
  • ส่วนไขมันก็สะสมกลายเป็น "พุง" และ "ต้นขา" ไป

3. ถ้ากินทั้งคาร์บ + ไขมันพร้อมกัน = ภัยเงียบที่ร่างกายจัดการไม่ทัน

มาถึงจุดพีคเลย ถ้าเรากิน "ทั้งคาร์บทั้งไขมันเยอะพร้อมกัน" เช่น

  • พิซซ่า + โค้ก
  • เบอร์เกอร์ + มันฝรั่งทอด


ร่างกายจะได้รับพลังงานทั้งจากน้ำตาลและไขมันพร้อมกันเยอะมาก ทำให้เกิด

  • ร่างกายสลับไปมา ไม่รู้จะใช้ไขมันหรือกลูโคสดี
  • พอใช้ไขมันก่อน → กลูโคสไม่ได้ใช้ → น้ำตาลในเลือดพุ่ง
  • พออินซูลินออกมา → ไขมันก็โดนเก็บไว้
  • พลังงานเข้าเยอะ แต่ใช้ไม่ทัน = สะสมไขมัน และดื้อต่ออินซูลิน

ไม่ต้องแปลกใจเลยนะ ถ้ากินแบบนี้แล้ว อ้วนลงพุง น้ำตาลสูง ไขมันในเลือดพุ่ง

 

4. ตัวอย่างอาหารที่กระตุ้น Randle Effect แบบจัดเต็ม

มีหลายเมนูที่เรากินกันเป็นประจำที่ “กระตุ้น Randle Effect” สุด ๆ แบบไม่รู้ตัว เช่น

  • เฟรนช์ฟราย + น้ำอัดลม → ไขมันจากการทอด + น้ำตาลจากโค้ก
  • เบอร์เกอร์ + มันฝรั่งทอด → คาร์บจากขนมปังและมัน + ไขมันจากชีสและเนื้อ
  • พิซซ่า + โค้ก → แป้ง+ชีส+น้ำตาลเต็ม ๆ
  • โดนัท + กาแฟใส่น้ำตาล อ→ น้ำตาล+ไขมัน+แป้ง แทบไม่มีสารอาหารดีเลย
  • ผัดซีอิ๊ว + ชาเย็น / โอเลี้ยงหวานจัด

คาร์บจากเส้น + ไขมันจากการผัด + น้ำตาลจากเครื่องดื่ม เมนูยอดฮิตตามร้านตามสั่ง


อาหารเหล่านี้จะทำให้พลังงานเข้าเกิน แต่ร่างกายเบิร์นไม่ทัน → สะสมพลังงานเป็นไขมัน → เสี่ยงอ้วน เบาหวาน และไขมันพอกตับ
 

5. แล้วจะหลีกเลี่ยง Randle Effect ยังไงดี?

หลายคนบอกงั้นต้องกินแค่ของคลีนๆ ใช่ไหม ไม่ได้แปลว่าเราต้องกินคลีนสุดโต่ง หรือเลิกกินของอร่อยนะ แค่ "เข้าใจหลัก" และเลือกให้สมดุลขึ้นก็ช่วยได้เยอะมากแล้ว


เลือกแหล่งพลังงานหลักในแต่ละมื้อ

  • ถ้าวันไหนอยากกินคาร์บเยอะ เช่น ข้าว ผลไม้ ขนม → ก็ควรลดไขมันลง
  • ถ้าวันไหนเน้นไขมัน เช่น คีโต → ก็ควรลดข้าว ขนม ของหวานลง


กินแบบพอดี ไม่มากเกินไปทั้งสองอย่างพร้อมกัน

  • เลือกคาร์บดี ๆ อย่าง ข้าวกล้อง มันหวาน ผัก ธัญพืช
  • เลือกไขมันดี เช่น ถั่ว อะโวคาโด น้ำมันมะกอก แทนของทอด


ออกกำลังกาย

  • ไม่ต้องหนักมาก แค่เดินเร็ว วิ่งจ๊อก หรือเล่นเวทสัปดาห์ละ 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • จะช่วยให้ร่างกายเอาพลังงานส่วนเกินไปใช้ แถมช่วยให้ตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้นด้วย


หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป

  • โดยเฉพาะพวกที่ทั้ง "มัน + หวาน" เช่น ขนมขบเคี้ยว เค้ก ชานม โดนัท
  • อ่านฉลากโภชนาการนิดนึงก็ช่วยได้เยอะ


ถึง Randle Effect มันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การกินแบบนี้เรื่อยๆทุกวันก็ทำให้เกิดโรคได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินของมัน ๆ หวาน ๆ พร้อมกัน แค่เเราเข้าใจ เราก็จะจัดสมดุลให้มันได้ง่าย ๆ ไม่ต้องอด ไม่ต้องคลีนสุดโต่ง แค่เลือกกินให้เป็นก็จะดีกับร่างกาย

 

ขอบคุณ FB : หมอเจด