- 18 เม.ย. 2568
รู้แล้วเป็นญาติกันจริงมั้ย ฟังจากปาก ผบ.ตร. หลัง "ลูกชายนายกเบี้ยว" เบ่งใส่ พนักงานสอบสวน บอกเป็นหลาน "บิ๊กต่าย"
จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่รถเก๋ง BMW สีขาว ป้ายแดง ขับปาดหน้ารถกระบะสีดำ บนมอเตอร์เวย์ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 พื้นที่ รังสิต-นครนายก ส่งผลให้ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นมีทราบว่าคนขับรถเก๋ง BMW เป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ธัญบุรี ซึ่งจากคลิปจะสังเกตว่า BMW สีขาว เปิดไฟฉุกเฉินค้างไว้ ขับประกบรถกระบะสีดำ โดยพยายามจะชะลอความเร็ว แล้วเร่งความเร็วเพื่อแซงไปปาดหน้าหลายครั้ง
โดยรถกระบะก็พยายามจะเลี่ยงและขับหนี แต่สุดท้ายถูก BMW สีขาว จงใจขับมาเฉี่ยว จนรถกระบะเสียหลักชนเข้ากับแบริเออร์ นอกจากนี้ยังมีคลิปหลังเกิดเหตุที่คนขับรถ BMW สีขาว จอดลงมาดูคู่กรณีที่ประสบอุบัติเหตุ โดยพลเมืองดีทำการถ่ายคลิปรถและคนขับ BMW เอาไว้ โดยบางส่วนก็มีการเดินเข้าไปตำหนิใส่เจ้าตัว
ขณะที่ เพจ เฮียขับรถ ระบุว่า เห็นว่า ในรถกระบะเป็นลุงป้าขอโทษแล้วแต่ไม่ยอม ลุงซี่โครงหักนอนไอซียู ขณะที่เพจ โหนกระแส รายงานว่า ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะถูกนำส่งโรงพยาบาล ป้าอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนลุงมีอาการซี่โครงหัก ยังคงรักษาตัวอยู่ในไอซียู อีกทั้งทาง พีช ยังอ้างกับ พนักงานสอบสวนอีกว่า ตนเป็นหลาน บิ๊กต่าย ผบ.ตร.
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีคลิปเหตุการณ์รถยนต์ BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ารถกระบะบนมอเตอร์เวย์ช่วงออกรังสิต-นครนายก จนรถกระบะเสียหลักชนขอบทาง ส่งผลให้ชายสูงอายุคนขับบาดเจ็บสาหัส และภรรยาซึ่งเป็นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุ นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ผู้ขับรถ BMW คันดังกล่าว ได้อ้างถึงความสัมพันธ์กับตนว่าเป็นหลาน "อาต่าย" พร้อมโชว์ภาพถ่ายร่วมกัน และมีการพูดถึงชื่อของ "นายกฤษฎา หลีนวรัตน์" หรือ "นายกเบี้ยว" อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นบิดาของนายพีช จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม
ผบ.ตร. ยอมรับว่า ตนรู้จักกับนายกฤษฎาในฐานะที่เคยพบกันสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยศ พล.ต.ท. และมีการถ่ายภาพร่วมกันตามประสาคนทั่วไปที่ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ยืนยันว่าไม่ใช่ญาติ และไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวแต่อย่างใด ส่วนที่นายพีชอ้างเรียกตนว่า "อาต่าย" นั้น เป็นพฤติกรรมโอ้อวดที่ไม่เหมาะสม ฟังแล้วไม่รื่นหู พร้อมกล่าวว่า ถ้าผู้ที่มีพฤติกรรมดีเรียกตนว่าอาหรือน้าก็ยินดี แต่ไม่ใช่กับผู้ที่กระทำผิดแล้วมาอ้างความใกล้ชิดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุอีกว่า พฤติกรรมของนายพีชถือเป็นสิ่งที่ขาดวุฒิภาวะ ขาดจิตสำนึกและความรับผิดชอบ หากรถคันที่ถูกปาดมีเด็กนั่งอยู่ อาจเกิดเหตุร้ายแรงกว่านี้ พร้อมกล่าวว่า ยิ่งผู้ก่อเหตุออกมาโอ้อวด ยิ่งจะได้รับโทษหนักขึ้น โดยได้สั่งการให้ตำรวจทางหลวง และ สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยไม่ให้มีการช่วยเหลือใดๆ แก่ผู้กระทำผิด ย้ำว่าคดีนี้ต้องเดินหน้าอย่างเป็นธรรมทุกฝ่าย
ในส่วนของคดีอาญา อยู่ระหว่างรอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งได้กำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และห้ามมีการอุ้มใครทั้งสิ้น พร้อมกับฝากถึงประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อคำโอ้อวดของผู้ที่พยายามแสดงตนว่ามีอิทธิพล หรือรู้จักผู้ใหญ่ เพราะไม่มีผลต่อกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
สุดท้าย ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองไม่มีญาติเช่นนี้ เมื่อมีคนเช่นนี้มาเรียกตนว่าเป็นอาต่าย ก็ฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู เหตุใดจึงกระทำผิดแล้วมาแสดงออกแบบนี้ ตนไม่เข้าใจ พร้อมย้ำว่าตนเองมีลูกคนเดียว และสั่งสอนว่าอย่ากระทำผิด ให้ประพฤติในสิ่งที่ดี อย่าทำตัวเป็นขยะสังคม แต่ถ้าทำอะไรผิดขึ้นมา
แม้จะเป็นลูกของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะไม่มีการช่วยเหลือ ต้องรับโทษตามกฎหมาย พร้อมกับขอให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ และฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนให้มีสติ ให้แบ่งปันกัน เอื้ออาทรกัน เห็นอกเห็นใจกัน เหตุต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดและไม่ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และจะได้ใช้รถใช้ถนนอย่างมีความสุข
"ผมรู้จักแค่นายกเบี้ยว จะมาอ้างเป็นหลานอาต่าย ฟังแล้วไม่รื่นหู รู้สึกทำไมไปพูดแบบนี้ ผมมีลูกคนเดียว ยังคุยกับลูกเลยว่า อย่าทำผิดอะไรนะ เคสนี้เป็นอุทธาหรณ์ของการขับรถแบบไม่มีสติ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบต่อผู้อื่น ถ้าคนดีอยากเรียกน้าหรืออา ผมก็ยินดี แต่ถ้าคนที่ไม่มีสำนึกผิดทำเช่นนี้ แล้วมาเรียกนับญาติ ฟังแล้วไม่รื่นหู" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร. กล่าวอย่างชัดเจน