นายกเบี้ยว ยอมรับ ลูกพีชอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อน คอยย้ำและสั่งสอนตักเตือนมาตลอด ช่วงระยะหลังตนอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป ยอมรับโกรธลูก

18 เม.ย.68 "นายกเบี้ยว" กฤษฎาหลีนวรัตน์ เดินทางมาสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหาขับรถโดยประมาทตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก และในส่วนของรถยนต์ BMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้ แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง และยังยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริงและเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด 

นายกเบี้ยว รับลูกพีชอาจจะมีอารมณ์ร้อน คอยสั่งสอนตักเตือนมาตลอด
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสน ว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจในวันนี้นั้นอาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาดเพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตัวเองก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ซึ่งตอนแรก ตัวเองยังยืนยันที่จะไม่ได้เดินทางมาจริงแต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าหากไม่เดินทางมาวันนี้ก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ย้ำว่าไม่หลบหนีอยู่แล้ว 

นายกเบี้ยว รับลูกพีชอาจจะมีอารมณ์ร้อน คอยสั่งสอนตักเตือนมาตลอด

ส่วนในเรื่องของคลิปเสียงที่มีการเบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตัวเองยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคม ที่ลูกชายตัวเองทำผิดพลาดไป และตัวเองไม่มีอิทธิพลใดใด หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น


ในส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 68 ที่จะมาถึง นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ 

 

พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ตัวเองย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีชมาตลอด ซึ่งในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยๆสอนค่อยๆ ตะล่อมหากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็เข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ซึ่งครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป

นายกเบี้ยว รับลูกพีชอาจจะมีอารมณ์ร้อน คอยสั่งสอนตักเตือนมาตลอด

นายกฤษฎา ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุหากย้อนกลับไป 40 ปีตัวเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ 

นายกฤษฎา ยังปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเลย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องและตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หากับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี 

 

ขณะที่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวงนายกฤษฎา มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่าอย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลยเพราะตัวเองและครอบครัวก็ยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชนเลย