แม่เสียหลังน้าพาไปรักษาหมอสมุนไพร รู้ส่วนผสม - โอ่งแช่น้ำพีกสุด

จากเหตุการณ์สะเทือนใจที่ลูกสาวรายหนึ่งเผยผ่าน TikTok ถึงการสูญเสียคุณแม่วัย 61 ปี หลังถูกรักษาโรคด้วยแพทย์ทางเลือกที่ไม่มีใบอนุญาต และไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ใด ๆ สนับสนุน โดยผู้ที่พาแม่ไปคือ “น้าสาว” ซึ่งอ้างว่ามีผู้แนะนำให้ลองสมุนไพรแทนการแพทย์แผนปัจจุบัน

 

 

เรื่องราวเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการป่วยและพบว่ามีก้อนเนื้อร้ายในสมองหลายจุด ต่อมาในเดือนธันวาคม ลูกสาวพาแม่มารักษาต่อในกรุงเทพฯ แต่ต้องฝากแม่ไว้กับน้าสาวเป็นเวลา 2 วัน

 

เมื่อกลับมา ลูกสาวพบว่า แม่ถูกพาไปรักษาที่บ้านกลางป่าในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยผู้รักษาอ้างตัวว่าเป็นหมอสมุนไพร ใช้วิธีให้ดื่มน้ำต้มดอกดาวเรือง ฉีดยาที่ไม่ทราบแหล่งที่มา และห้ามกินยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน อ้างว่ามีสเตียรอยด์

 

หลังการรักษา 5 วัน ผู้ป่วยหมดสติ ต้องเข้ารักษาในห้องไอซียูนาน 9 วัน และเสียชีวิตด้วยอาการสมองตายในที่สุด แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 3 เดือน แต่ไม่มีผู้ใดออกมายอมรับผิด ลูกสาวเผยว่า สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าการสูญเสีย คือการถูกกล่าวหาจากญาติว่าตนเป็นสาเหตุการตายของแม่ ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้พาไปรักษาแบบนั้น
 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ลึกในป่ายูคาลิปตัส มีลักษณะคล้ายศูนย์ปฏิบัติธรรม และมีวัตถุดิบสมุนไพรหลากชนิดจัดเก็บในถุงพลาสติก ไม่มีเครื่องมือแพทย์ใดๆ แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ ถุงพลาสติกที่วางไว้หลายถุง มีผงต่าง ๆ แต่ละถุงมีอักษรเขียนชัดว่าเป็นอะไร เช่น กระดูก + ว่านต่างๆ , ดอกผักโขม , ดอกดาวเรือง, กระชายอบแห้ง อีกทั้งโอ่งที่แช่น้ำอะไรสักอย่างยังมีหนอนขึ้นอีกด้วย

ภรรยาเจ้าของสถานที่เปิดเผยว่า สามีเคยบวชพระกว่า 16 ปี และศึกษาสมุนไพรด้วยตนเองหลังแม่ป่วยหนัก โดยอ้างว่าสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้หลายราย แม้จะยอมรับว่าไม่เคยขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม

ทั้งนี้พระสงฆ์ในพื้นที่เผยว่า เคยเจ็บป่วยจากสารเคมี แต่หายดีหลังใช้สมุนไพรจากสถานที่นี้ แม้จะไม่มีเอกสารวิชาการหรือการรับรองจากหน่วยงานรัฐ

เหตุการณ์นี้จุดประเด็นสำคัญต่อสังคมว่า การแพทย์ทางเลือกที่ไม่มีการรับรองใด ๆ ควรได้รับการควบคุมอย่างจริงจัง ทั้งเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วย และป้องกันการสูญเสียโดยไม่จำเป็นอีกในอนาคต