- 05 พ.ค. 2568
ตำรวจ สน.สุทธิสาร คุมตัวผู้ก่อเหตุรุม ทำร้ายหญิง ในซอยรัชดา 13 มาสอบปากคำ เพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกว่า 100 คนเกือบถูกรุมประชาทัณฑ์
จับยกแก๊ง รุมทำร้ายสาว 27 กลางซอยรัชดา 13 หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจ สน.สุทธิสาร คุมตัวผู้ก่อเหตุรุม ทำร้ายหญิง ในซอยรัชดา 13 มาสอบปากคำ เพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกว่า 100 คนเกือบถูกรุมประชาทัณฑ์ หลังไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจกว่า 20 นายจึงพยายามเข้าระงับเหตุอย่างชุลมุน
หน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรัชดา 13 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดงกรุงเทพมหานคร ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา (คืนวันเสาร์) กลุ่มชายหญิงผู้ก่อเหตุจำนวนหนึ่ง ได้รุมทำร้ายสาวคนหนึ่ง ตลอดเนื้อหาที่ถูกนำมาโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์นานถึง 4 นาที ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ช่วงหนึ่งในคลิปวีดีโอผู้เสียหายพยายามวิ่งหนี แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุวิ่งตามและนำตัวมาร่วมทำร้ายซ้ำ
ภายหลังคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและแชร์โพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเป็นกระแสในเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
ก่อนทราบว่าผู้เสียหายคือ นางสาวไหม เปลี่ยนสมุทร อายุ 27 ปี ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียหายได้เข้ามาร้องขอตำรวจสน.สุทธิสาร และเพจกันจอมพลัง ให้ช่วยตามหาผู้เสียหายที่ปรากฏในคลิป เนื่องจากอยู่คนละที่กับครอบครัวและไม่สามารถติดต่อได้
พันตำรวจเอกพรเทพ เฉลิมเกียรติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เร่งค้นหา ก่อนพบผู้เสียหายเดินอยู่ภายในซอยใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และนำตัวมาพบญาติก่อนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน
ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่นาน สามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 5 คน เป็นหญิง 3 คน คือ นางสาวแนน นางสาวเฟิร์น และนางสาวก้อย ชาย 2 คน คือ นายหนึ่ง และนายบอย ถูกนำตัวมาสอบปากคำ แต่ขณะคุมตัวผู้ก่อเหตุชายเข้าห้องสืบสวน เพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายที่มารวมตัวหน้าสถานีตำรวจกว่า 100 คน ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงพยายามเข้ารุมประชาทัณฑ์กลุ่มผู้ก่อเหตุจนเกิดเหตุชุลมุน ก่อนที่ตำรวจกว่า 20 นายเข้าระงับเหตุไว้ได้โดยทันที และพยายามพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของผู้เสียหาย ให้เข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะสลายตัวไป
นางฉันทนา สนริ้ว อายุ 51 ปี แม่ของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากลูกสาวของตัวเองพยายามร้องขอชีวิต และยอมแพ้แล้ว แต่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะรุมทำร้าย โดยบางช่วงลูกสาวพยายามอ้างว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อให้กลุ่มที่รุมทำร้ายหยุดลงมือ แต่ก็ไม่เป็นผล ถึงขั้นวิ่งตามไปรุมทำร้ายซ้ำ ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ยอมความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ยอมรับว่าลูกสาวของตัวเองมีการใช้สารเสพติด และมักจะมีอาการทางสมอง พยายามพาไปบำบัดแล้ว แต่ก็ยังกลับมาใช้สารเสพติดอยู่ ก่อนหน้านี้ทราบว่าเคยไปมีเรื่องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน แต่ไม่ทราบรายละเอียด
ขณะที่กลุ่มเพื่อนของผู้เกิดเหตุเล่าว่า นางสาวไหมเคยถูกรุมทำร้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคมได้ไปทำร้ายร่างกาย คู่อริคืน ก่อนมาถูกรุมทำร้ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงเกิดความไม่พอใจกับกลุ่มพวกของตัวเองเป็นอย่างมาก
สำหรับนางสาวไหมผู้เสียหาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรุมทำร้าย และกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากยังปล่อยอยู่ในพื้นที่ นายธนกิจ จิตอารีรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเดินทางมารับตัวผู้เสียหายเข้าไปอยู่ในการดูแล ในช่วงเวลา 11:00 น. ของวันนี้รวมถึงจะประสานงานในเรื่องของการเข้ารับบำบัดผู้ใช้ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เคส..สาวถูกรุมทำร้าย พื้นที่สน.สุทธิสาร
ด้าน พันตำรวจเอก พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร กับ พ.ต.ท.รักเกียรติ์ ปทุมวัลย์ สว.สอบสวน เผยความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายในรัชดา 13 ว่าตอนนี้สามารถนำตัวผู้ก่อเหตุ 3 รายมาดำเนินคดีแล้ว คือนายหนึ่ง น.ส.แนน และ น.ส.เฟิร์น ส่วน น.ส.ก้อยและนายบอย กำลังเร่งติดตามตัว คาดว่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้
ทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพ อ้างว่าเกิดจากการทะเลาะวิวาทกันด้วยกันต่อเนื่อง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยปล่อยตัวทั้ง 3 คนเพราะไม่ได้ถูกออกหมายจับ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง รวมทั้งไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า นัดหมายส่งฟ้องศาลอาญาในวันพรุ่งนี้แปดโมงครึ่ง
ส่วนคดีที่ผู้เสียหายไปกระทำกับกลุ่มผู้ก่อเหตุก่อนหน้านี้ ในวันพรุ่งนี้จะสอบปากคำอย่างละเอียด เป็นคดีต่างกรรมต่างวาระกัน
ส่วนช่วงเย็นวันนี้ ได้นัดหมายกับทางพี่กัน จอมพลัง และนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระกระทรวงสาธารณสุข ให้ประสานตัวรับผู้เสียหายไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดและเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป
พร้อมทั้งฝากถึงสังคมว่าหากพบเหตุรุนแรงช่วยกันโทรแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุไม่ใช่เอาคลิปลงโลกออนไลน์เพื่อเรียกยอดไลค์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เป็นตัวอย่างความรุนแรงที่ไม่ดีต่อสังคม และอาจมีความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลที่ผิดกฎหมาย