- 13 พ.ค. 2568
ลูกสาวเล่าวีรกรรมแม่ ก่อนประกาศขอตัดขาด เรื่องโป๊ะเพราะทำพระเกือบสึก ด้านหลวงพี่บอก หวั่นไหวเหมือนมารผจญ
เป็นเรื่องราวที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์ภาพคู่กับแม่ของตน พร้อมประกาศตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูกอย่างเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่า แม่ของเธอได้นำรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวของเธอ รวมถึงภาพลูก ๆ ซึ่งเป็นหลานของแม่ ไปใช้ในการหลอกลวงผู้อื่นหลายกรณี โดยครั้งนี้เธอประกาศชัดเจนว่า จะดำเนินคดีกับแม่ของตัวเองอย่างถึงที่สุด
ต่อมา “เดียว” ลูกสาวผู้เป็นเจ้าของโพสต์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ โหนกระแส โดยเล่าว่า พฤติกรรมของแม่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นสิ่งที่เกิดซ้ำมานานหลายปี แม่ของเธอมักนำภาพของเธอและลูก ๆ ไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ใช้บัญชีไลน์ปลอมพูดคุยกับผู้ชายหลายคนในเชิงชู้สาว ก่อนจะวางอุบายขอยืมเงิน รวมถึงเคยส่งภาพหลานไปหลอกพระให้รับเป็นลูกบุญธรรมเพื่อขอเงินค่าเลี้ยงดู และเคยอ้างชื่อหลานชายเพื่อหลอกขอกีตาร์
เหตุการณ์ที่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเดียว คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระรูปหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุถูกรถชนและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แม่ของเธอได้นำภาพขณะรักษาตัวไปหลอกพระรูปดังกล่าว โดยที่พระเข้าใจว่าเป็น “คุณเดียว” ตัวจริง และโอนเงินช่วยเหลือมาให้ รวมถึงส่งขนมและของต่าง ๆ มาให้ลูก จ่าหน้าพัสดุถึงชื่อของเดียว
จุดที่ทำให้เธอเริ่มสงสัย คือเมื่อมีกีตาร์ชิ้นหนึ่งถูกส่งมาที่บ้าน จ่าหน้าถึง “คุณเดียว” แต่ชื่อผู้ส่งถูกฉีกออก เมื่อสืบไปยังร้านขายกีตาร์ ก็ได้รับหลักฐานเป็นข้อความแชทจากพระที่สั่งซื้อกีตาร์ โดยพระระบุว่า ต้องการส่งให้บุตรบุญธรรมของตน ซึ่งก็คือลูกชายคนโตของเดียว
เดียวเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระรูปนี้ถูกแม่ของเธอหลอกลวงจนเชื่อว่ากำลังพูดคุยกับ “คุณเดียว” ตัวจริง และมีความรู้สึกลึกซึ้งถึงขั้นที่คิดจะลาสิกขาเพื่อมาใช้ชีวิตด้วยกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงเดียวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย
เรื่องที่ว่านี้ แม่หลอกลวงจนพระรูปนี้หลงรักหัวปักหัวปำ จนเข้าใจว่าคุยกับตนจริงๆ ถึงขนาดที่ว่าพระจะลาสิกขาเพื่อมาอยู่กับตน ทั้งที่ตนไม่รู้เรื่องเลย ถึงขั้นคุยกันว่า พระจะขายที่ดิน แล้วมาซื้อที่อยู่ใกล้ๆ บ้านตนที่เพชรบูรณ์ บอกว่าจะมาเปิดร้านอาหาร เพราะเขาเป็นนักดนตรีเก่า ให้เราเป็นแม่ครัว ทำอาหาร แต่จริงๆคือ พระคุยกับแม่อย่างเดียว
แม้เวลาจะผ่านไปถึง 6 ปี เธอคิดว่าแม่จะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะยังคงมีผู้เสียหายทยอยติดต่อมาหาเธออยู่เรื่อยๆ โดยมีหลักฐานการโอนเงินอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยพูดคุยกับแม่อย่างตรงไปตรงมา ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่แม่ของเธอมักอ้างว่าที่ทำแบบนี้เพราะอยากให้เธอเจอผู้ชายดีๆ ที่สามารถดูแลเธอและครอบครัวได้
แต่คุณเดียวก็ได้โต้แย้งแม่ไปว่า ตั้งแต่มีลูกคนแรก เธอก็สามารถทำงานหาเงินเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนได้ด้วยตัวเอง รวมถึงยังส่งเงินให้แม่ใช้อยู่ตลอด จึงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก เธอมองว่าข้ออ้างที่แม่พูดออกมาหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อบางช่องเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น และสิ่งที่เธอเริ่มกังวลมากขึ้นก็คือ กลัวว่าแม่ของเธอจะหลอกผู้ชายคนหนึ่งเอาเงินมา และเอาไปให้ผู้ชายอีกคนหรือไม่ เพราะเมื่อเธอเคยขอดูโทรศัพท์ของแม่ แม่ก็แสดงอาการไม่พอใจและไม่ยอมให้ดู
ขณะที่หลวงพี่ ที่ถูกแม่ของเดียวหลอกลวง โฟนอินมาเล่าว่า ตอนแรกไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นการสวมรอยแอบอ้าง มารู้ตอนที่ เดียว ตัวจริงโทรมาบอก ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลย คิดแค่ว่าอยากช่วยเหลือเด็กกำพร้า(ลูกๆ ของเดียว) เป็นการช่วยเหลือกันตามปกติ ตอนที่คุณแม่ของเดียว หลอกให้โอนเงินค่ารักษา ก็โอนไปให้ ค้างค่างวดรถ ก็โอนให้ เด็กไม่มีเงินไปโรงเรียนก็โอนให้ เรียกได้ว่าหมดไปเยอะอยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อถามย้ำว่า เป็นมารผจญได้ไหม เป็นการทำให้หลวงพี่หวั่นไหว คิดออกนอกทางธรรมได้ไหม หลวงพี่ก็ยอมรับว่ามีบ้าง มีหวั่นไหวบ้าง เหมือนมารผจญจริงๆ แต่ก็คิดซะว่าเมตตาธรรมค้ำจุนโลก ถือว่าช่วยเหลือกันไป ตอนนี้ก็คิดว่าจะสึก แต่ทางญาติโยมก็ขอไว้
สุดท้าย เดียวทิ้งท้ายว่า ตนขอแค่ดูเส้นทางการเงินของแม่ อยากรู้ว่าแม่ไปคุยกับใครบ้าง ถ้าครั้งนี้ ตนเงียบไปอีก แม่ก็จะไปทำแบบนี้อีก อีกอย่างคืออยากให้ที่บ้านเข้าใจว่า ตนไม่ได้อยากออกมาสาวไส้ให้กากิน ที่บ้านบอกว่า ตนอยากเพิ่มเรตติงตัวเองเหรอ อยากดัง ซึ่งมันไม่จริงเลย
"ถ้าวันหนึ่งเราเจอคนไม่ดี ที่อยู่ก็บอกเขาหมด โรงเรียนลูกก็บอกเขา ถ้าเราเจอคนไม่ดี ถ้าเขาโกรธที่เราไปหลอกเขา เขาจะตามมาทำร้าย หรือตามไปหาลูกที่โรงเรียน มันอันตรายค่ะ"