ปฏิบัติการ "หลวงพี่สายลับ" ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

ตำรวจไซเบอร์ปลอมตัวเป็นพระสายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล จับได้พร้อมของกลางความผิดชัดเจน ลากตัวรับโทษ

ตำรวจไซเบอร์ปลอมตัวเป็นพระสายลับ รวบเจ้าของเพจขายอาวุธปืนออนไลน์ พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ "นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption" แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 

 

ปฏิบัติการ หลวงพี่สายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

 

ปฏิบัติการ หลวงพี่สายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

 

โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

วันอังคารที่ 13 พ.ค.68 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ปลอมตัวเป็นพระสายลับ รวบเจ้าของเพจขายอาวุธปืนออนไลน์ พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกวาดล้างจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์ จนกระทั่งนำมาสู่การตรวจค้นจับกุม จำนวน 3 ปฏิบัติการ ดังนี้

ปฏิบัติการ หลวงพี่สายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

 

ปฏิบัติการที่ 1 :  กก.2 บก.สอท.3 ปลอมตัวเป็นพระสายลับ รวบเจ้าของเพจขายอาวุธปืนออนไลน์ 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบสวนทราบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "โด้ ธนาเสฎฐ์" ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ ซึ่งเป็นกลุ่มซื้อขายอาวุธปืน ต่อมา พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.2 บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง รอง ผกก.2 บก.สอท.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดวางแผนเข้าจับกุม โดยประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.4 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลอมตัวเป็นพระใหม่ที่บวชภาคฤดูร้อน และติดต่อขอซื้ออาวุธปืนจากเฟซบุ๊กดังกล่าว ในราคา 22,000 บาท มีการตกลงซื้อขายกันและนัดหมายส่งมอบอาวุธปืน 

เมื่อถึงเวลาก่อนการนัดหมายกันไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูบริเวณลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กระทั่งถึงเวลานัดหมายที่เกิดเหตุ พบ นายจารุวัฒน์ฯ ได้ขับรถยนต์กระบะสีดำเข้ามาจอด และได้โทรศัพท์แจ้งให้พระสายลับไปพบที่รถยนต์คันดังกล่าว

ต่อมา พระสายลับได้เข้าไปพบและตรวจสอบอาวุธปืนของกลาง เมื่อพบว่าเป็นอาวุธปืนจริงจึงได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ Colts ขนาด 11  มม. สีดำ จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ Norinco สีดำ ขนาด 9 มม.  จำนวน 1 กระบอกและอาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ Astra Cadix Cal ขนาด .22 มม. สีขาว จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วย กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน  20 นัด และกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด

 

ปฏิบัติการ หลวงพี่สายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงข้อกล่าวหาความผิดฐาน "มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490" ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

ปฏิบัติการ หลวงพี่สายลับ ซ้อนแผนซิวพ่อค้าปืน สุดเนียนจนหลงกล

 

ปฏิบัติการที่ 2 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 รวบหนุ่มเบญจเพส ขายอาวุธปืนออนไลน์ อ้างหาตังค์ซื้อปุ๋ยใส่สวนทุเรียน

สืบเนื่องจาก กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้สืบสวนพบการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมายผ่านกลุ่มบนแอปพลิเคชัน Facebook ซึ่งมีสมาชิกเกือบ 20,000 คน ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มและติดต่อขอซื้ออาวุธปืน

จากบุคคลในกลุ่ม ซึ่งมีผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ "Ra Mas" ตกลงขายอาวุธปืนให้ 1 กระบอก โดยนัดส่งมอบกันที่ หน้าบ้านหลังหนึ่งในสวนทุเรียน ต.เขาแก้ว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 

เมื่อถึงเวลาก่อนการนัดหมายกันไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูโดยรอบจุดนัดหมาย ต่อมา พบ นายปรเมศวร์ อายุ 25 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) ยืนรอส่งมอบอาวุธปืนอยู่ที่หน้าบ้านดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น

ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนสั้นแปลงขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 1 นัด, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด และกล่องใส่ปืน จำนวน 1 กล่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน"

สอบถาม นายปรเมศวร์ฯ รับว่าตนเองเป็นเกษตรกรทำสวนทุเรียน ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นได้นั้น ตนได้ซื้อมาจากเพื่อนที่จังหวัดสระแก้วเพื่อนำมาขายต่อเอากำไร เพื่อจะนำเงินไปซื้อปุ๋ยมาใส่ทุเรียนที่ตนปลูก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปฏิบัติการที่ 3 :  กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 ขยายผลจับหนุ่มซื้ออาวุธปืนออนไลน์

สืบเนื่องจากเมื่อ 13 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 ได้จับกุมนายอิทธิโชค อายุ 24 ปี ได้ที่บริเวณบ้านในพื้นที่ หมู่ 3 อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมอาวุธปืนแบลงก์กันดัดแปลง จำนวน 2 กระบอก, ลำกล้องปืน จำนวน 1 ชุด, กระสุนปืน รวมจำนวน 71 นัด 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 ได้ทำการสืบสวนจนพบความเชื่อมโยงไปยัง นายอนุศักดิ์ หรือ ชา อายุ 33 ปี โดยนาย อนุศักดิ์ มักมีพฤติกรรมสั่งซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจากสื่อโซเชียลมีเดีย กระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นจากศาลจังหวัดอุทัยธานีได้สำเร็จ

ต่อมา พ.ต.ท.อนุรักษ์ พรมเมือง รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.ธนาชัย สุวรรณโท สว.ฯ, พ.ต.ท.ภัทรศักดิ์ สมงาม สว.ฯ, และ พ.ต.ท.กิตติ เพชรแสงสว่าง สว.ฯ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ 86/2568 ลง 8 พ.ค.68 เข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 5 ต.สุขฤทัย อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ผลการตรวจค้น พบ 1.อาวุธปืนยาว ยี่ห้อ Rock Island ขนาด .22 พร้อมกล้องช่วยเล็ง จำนวน 1 กระบอก, ซองบรรจุกระสุน จำนวน 1 อัน และกระสุนปืน ขนาด .22lr รวมจำนวน 20 นัด จึงได้แจ้งข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป