รวบวัยรุ่นแก็งสเตอร์ ระดับหัวจ่าย พบของกลางล็อตใหญ่ซุกอยู่ในรถ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล 8 รวบวัยรุ่นแก็งสเตอร์ ระดับหัวจ่าย พบของกลางล็อตใหญ่ซุกอยู่ในรถ พร้อมแจ้งข้อหาหนักจำหน่าย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 เข้าจับกุมนายทศพล อายุ 28 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์จำนวน 7 กิโลกรัม คีตามีนจำนวน 42 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และรถยนต์ที่ใช้ในการลำเลียงและซุกซ่อนยาเสพติดจำนวน 2 คัน โดยสามารถจับกุมได้ที่กลางซอยรามคำแหง 21 แยก 3 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 พฤษภาคม เวลาประมาณ 06.00 น.

 

รวบวัยรุ่นแก็งสเตอร์ ระดับหัวจ่าย พบของกลางล็อตใหญ่ซุกอยู่ในรถ

 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จนพบเบาะแสของเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งมีแหล่งซุกซ่อนและกระจายยาเสพติดอยู่ภายในซอยรามคำแหง 21 แยก 3 โดยมีพฤติกรรมลักลอบนำยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บไว้ และทยอยส่งต่อให้กับผู้ค้ารายย่อย โดยใช้รถยนต์เป็นที่เก็บและขนส่งยาเสพติด

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่านายทศพล มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและจัดส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด กระทั่งพบผู้ต้องหาขับรถยนต์เข้ามายังจุดต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและขอทำการตรวจค้น

ผลการตรวจค้นรถยนต์คันแรก พบคีตามีนจำนวน 35 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวนายทศพลพร้อมของกลางส่งกลับมายังกองกำกับการสืบสวนนครบาล 8 เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผลจากข้อความแชตในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งมีการสั่งการให้ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในรถยนต์อีกคันหนึ่ง จนนายทศพลยอมรับว่ามีรถยนต์ตู้สีขาวอีกคัน ใช้เก็บซ่อนยาเสพติด จอดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดจับกุมเดิม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจค้นเพิ่มเติม และพบยาไอซ์จำนวน 7 กิโลกรัม และคีตามีนอีก 7 กิโลกรัมซุกซ่อนอยู่ภายในรถตู้คันดังกล่าว

จากพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาว่า “จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการและต้นทางของยาเสพติดในเครือข่ายต่อไป