"หมอเจด" เตือน 5 อาหารต้องเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยง "ไมเกรนกำเริบ"

"หมอเจด" โพสต์ให้ความรู้ด้านสุขภาพ เตือน 5 อาหารต้องเลี่ยง เสี่ยงกระตุ้นให้ "ไมเกรนกำเริบ" ได้แบบไม่รู้ตัวเลย

วันที่ 19 พ.ค. 2568 หมอเจด นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ให้ความรู้ด้านสุขภาพ เผย 5 อาหารต้องเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยง "ไมเกรนกำเริบ" โดยระบุว่า ใครเป็นไมเกรนบ่อยๆ แล้วรู้สึกสงสัยว่า ทำไมอยู่ดีๆ ก็ปวด บางทีก็ต้องลองสังเกตเรื่องอาหารดูครับ เพราะบางครั้งมันไม่ใช่แค่เครียดหรือนอนน้อย แต่อาหารบางอย่างก็ไปกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบได้แบบไม่รู้ตัวเลย

 

หมอเจด เตือน 5 อาหารต้องเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยง ไมเกรนกำเริบ

  • ลองดู 5 กลุ่มอาหารใกล้ตัวนี้ ที่อาจเป็นสาเหตุที่เราไม่รู้ตัวนะ


1. คาเฟอีน – กาแฟ ชา โกโก้ ช็อกโกแลต

คาเฟอีนเป็นดาบสองคม บางคนกินแล้วหัวโล่ง สดชื่นดี แต่ถ้ากินเยอะเกินไป หรือหยุดแบบหักดิบไม่แตะเลย ร่างกายจะงง แล้วปวดหัวได้เหมือนกัน คาเฟอีนมันไปมีผลกับหลอดเลือดในสมอง และสารเคมีที่เกี่ยวกับการปวดหัว เช่น เซโรโทนิน ถ้าใครไมเกรนบ่อย ลองเช็กปริมาณกาแฟ ชา หรือช็อกโกแลตที่กินแต่ละวันดูครับ อาจจะต้องค่อย ๆ ลดลงไม่ใช่ตัดขาดทันที


2. อาหารหมักๆ ชีสๆ 

ของหมักดอง ชีสบางชนิด หรือของที่เก็บไว้นาน ๆ มันจะมีสารชื่อว่า “ไทรามีน” ซึ่งมีผลไปกระตุ้นให้หลอดเลือดในสมองหดตัวขยายตัวสลับกันไว ๆ ทำให้เกิดไมเกรนได้ ยิ่งอาหารพวกนี้หมักไว้นาน รสชาติเข้มๆ ชัดๆ โอกาสที่ไทรามีนจะเยอะก็ยิ่งสูง คนที่ร่างกายไวต่อสารพวกนี้ก็กำเริบง่ายเลยครับ ไม่จำเป็นต้องงดถาวร แต่อาจลดปริมาณหรือเลี่ยงในช่วงที่รู้สึกว่า “ไมเกรนจะมา” ก็ช่วยได้เยอะ


3. แอลกอฮอล์ – โดยเฉพาะไวน์แดงกับเบียร์

หลายคนดื่มไวน์แดงแล้วเคลิ้ม ๆ ใช่ไหม แต่รู้ไหมว่า แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดงกับเบียร์ เป็นของโปรดของไมเกรนเลยครับ  เพราะมันไปเปลี่ยนระดับสารสื่อประสาทในสมอง (โดยเฉพาะเซโรโทนิน) และยังทำให้หลอดเลือดขยายตัวเร็ว ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน ไวน์แดงยังมีฮีสตามีน (histamine) และไทรามีนร่วมด้วย ทำให้โอกาสปวดหัวหลังดื่มสูงมาก ยิ่งดื่มตอนท้องว่าง หรือดื่มแบบไม่พอพัก ก็ยิ่งเสี่ยง ถ้าใครเป็นไมเกรนบ่อย แนะนำให้ลองงดแอลกอฮอล์สักพัก แล้วสังเกตตัวเองครับ บางคนดีขึ้นแบบรู้สึกได้เลย

4. ไนไตรต์ในของแปรรูป – ไส้กรอก แฮม เบคอน
 

ของกินเล่นที่หลายคนชอบ เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม  มักจะมีสารกันเสียอย่าง “โซเดียมไนไตรต์” ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสารอีกตัวหนึ่งชื่อ “ไนตริกออกไซด์” (Nitric oxide) ซึ่งจะไปขยายหลอดเลือดในสมองแบบรวดเร็ว และทำให้เกิดไมเกรนได้ทันทีในบางคน ยิ่งกินตอนท้องว่าง หรือตอนที่ร่างกายเครียด พักผ่อนน้อย ยิ่งเสี่ยงเข้าไปใหญ่ครับ ถ้าลองหลีกเลี่ยงของแปรรูปพวกนี้ได้บ้าง ไมเกรนก็อาจจะทุเลาลงโดยไม่ต้องพึ่งยาเยอะ


5. น้ำตาลเทียม ขนมหวานจัด ๆ – น้ำอัดลม ลูกอม ขนมเค้ก

พวกขนมหวาน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มไดเอทหลายตัว มักจะใส่น้ำตาลเทียมอย่างแอสปาร์แตม (Aspartame) เพื่อให้หวานแต่ไม่อ้วน แต่รู้ไหมครับว่า แอสปาร์แตมนี่แหละเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนในหลายคน เพราะมันมีผลกับสารในสมอง และอาจรบกวนระดับพลังงานของเซลล์ประสาทด้วย นอกจากนี้ ถ้ากินของหวานจัด ๆ แล้วระดับน้ำตาลพุ่งขึ้นเร็ว จากนั้นตกฮวบแบบรวดเร็ว ก็เป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้เหมือนกัน เพราะสมองไม่ชอบความเหวี่ยงของระดับกลูโคส เพราะฉะนั้นแนะนำว่าเลี่ยงจะดีสุดนะ


นอกจากเรื่องอาหารแล้วนะครับ ยังมีอย่างอื่นที่ช่วยได้ เช่น

  • นอนให้พอและเป็นเวลา 
  • จัดการความเครียด 
  • ดื่มน้ำให้พอ 
  • เพิ่มอาหารบางอย่าง เช่น แมกนีเซียม ก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีมากครับ หลายงานวิจัยพบว่ามันช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้ เพราะมีบทบาทในการควบคุมการหดตัวของหลอดเลือด และการทำงานของสารเคมีในสมอง


ใครที่เป็นไมเกรนบ่อย อาจลองเสริมแมกนีเซียมจากอาหาร เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว หรือถั่วเปลือกแข็งก็ได้ หรือจะเสริมในรูปแบบอาหารเสริมก็ได้เช่นกัน ขนาดที่แนะนำสำหรับการป้องกันไมเกรนคือ 400–600 มิลลิกรัมต่อวัน (จากงานวิจัยคลินิกหลายฉบับ) แต่ถ้ามีโรคประจำตัวหรือกินยาอยู่ แนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนนะ


นอกจากนี้ การเพิ่มอาหารบางชนิดเข้าไปก็ช่วยได้ เช่น

  • ปลาไขมันดี อย่างแซลมอน แมคเคอเรล และซาร์ดีน เพราะมี โอเมก้า-3 สูง ช่วยลดการอักเสบ และลดความไวของระบบประสาท
  • อาหารที่มีวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) เช่น ตับ ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เห็ด และผักใบเขียว


มีงานวิจัยพบว่า วิตามินบี 2 ขนารด 400 มก./วัน อาจช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้ในบางคน ลองสังเกตตัวเองว่าหลังมื้อไหนแล้วรู้สึกเริ่มตุบ ๆ ขึ้นหัว ถ้าใช่ ก็อาจจะต้องลดหรือเลี่ยงอาหารกลุ่มนั้น แล้วเสริมด้วยการดูแลตัวเองด้านอื่นด้วย 

 

ขอบคุณ FB : หมอเจด