ยอดเสียชีวิตสะสมจากไข้หวัดใหญ่ - กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยตามตัว ไอ เจ็บคอ และมีน้ำมูก โดยทั่วไปสามารถหายได้เองในคนสุขภาพดี แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

 

ในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีความชื้นสูงและอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นช่วงที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนนี้ ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจหลายชนิด เช่น โรคโควิด-19 ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และไวรัส RSV จึงมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
 

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 19 พฤษภาคม 2568 พบว่า มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 333,982 ราย ในจำนวนนี้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 45,975 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่

• เด็กอายุ 5 - 9 ปี
• เด็กอายุ 0 - 4 ปี
• เด็กอายุ 10 - 14 ปี

นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สะสมแล้ว 44 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง โดยพบว่าเกือบทั้งหมด ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานที่ที่มีการอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน และเรือนจำ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้สถานศึกษาและสถานประกอบการมีระบบคัดกรองผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หากพบควรให้หยุดเรียนหรือหยุดงาน พร้อมแยกตัวจากผู้อื่น และหากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที

นพ.ศักดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยขอเน้นย้ำให้ประชาชนทั่วไปปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ได้แก่

• สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง
• หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ
• หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือโรงพยาบาลหากไม่มีเหตุจำเป็น
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย

นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสในการป่วยและลดความรุนแรงของโรคได้ ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประจำปี 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดหาให้บริการแก่ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ เป็นวัคซีนสายพันธุ์ซีกโลกใต้ ซึ่งมีความครอบคลุมและคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศไทยในปัจจุบัน