ผู้การฯทหารยศ "พลตรี" เสียเหลี่ยมแก๊งคอลฯ สูญเกลี้ยง 3.6 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนึ่งในแก๊งบัญชีม้า ตุ๋นทรัพย์ผู้การฯทหารยศ พลตรี เสียหายกว่า 3.6 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก ร่วมกันจับกุม นายอาทิตย์ฯ อายุ 26 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1358/2567 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน

 

 

"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด"

สถานที่จับกุม: บริเวณหน้าบ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

พฤติการณ์สืบเนื่องจากปี พ.ศ. 2566 ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายทหารยศพลตรี ขณะพักอยู่บ้าน ได้รับโทรศัพท์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่ามีผู้ร้ายนำชื่อและนามสกุลของผู้เสียหายไปใช้เปิดบัตรเครดิต พร้อมกล่าวอ้างว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาติดต่อเพื่อพูดคุยรายละเอียด

ต่อมา ผู้เสียหายได้รับสายจากบุคคลที่อ้างเป็นตำรวจ แจ้งว่าจะอายัดบัญชีทั้งหมด และมีการติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยให้พิมพ์ชื่อ-นามสกุลและหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อส่งให้

จากนั้น มิจฉาชีพทำทีวิดีโอคอลเพื่อขอดูสมุดบัญชี โดยผู้เสียหายมีอยู่ 2 บัญชี และส่งภาพถ่ายชายคนหนึ่ง พร้อมข้อความ “หมายจับของผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและค้ายาเสพติด สภ.เมืองตาก” และหนังสืออายัดธุรกรรมทางการเงินจาก สภ.เมืองตาก ระบุชื่อเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแนบท้าย

 

ต่อมา มีวิดีโอคอลอีกครั้ง อ้างว่า ผกก.สภ.เมืองตาก จะพูดคุย แต่เปลี่ยนเป็นตำรวจอีกคนแทน และผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อผ่านไลน์แสดงตัวเป็นตำรวจ สอบถามว่าผู้เสียหายมีสมุดบัญชีธนาคารอื่นอีกหรือไม่ เพื่อจะตรวจสอบให้หมด

ผู้เสียหายถูกแจ้งให้ติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารในมือถือ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงไปธนาคารสาขาโชคชัย 4 เพื่อติดตั้งแอปฯ และทำธุรกรรมออนไลน์

ต่อมา มิจฉาชีพส่งข้อความมาว่า “หากพร้อมแล้วรบกวนแจ้งด้วย จะได้เตรียมเอกสารรอนะคะ” และวิดีโอคอลอีกครั้ง เพื่อแจ้งให้โอนเงินจากทุกบัญชีเข้าบัญชีที่ระบุ โดยอ้างว่าจะคืนเงินทั้งหมดภายหลังการตรวจสอบ

ผู้เสียหายจึงโอนเงินตามคำแนะนำผ่านแอปฯ ไปยังบัญชีนายอาทิตย์ฯ (ผู้ต้องหา) 2 ครั้ง และบัญชีอื่นอีก 3 ครั้ง รวม 5 ครั้ง ความเสียหายรวมกว่า 3.6 ล้านบาท และเมื่อครบกำหนด ไม่มีการคืนเงินตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง และเข้าแจ้งความดำเนินคดี

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายอาทิตย์ฯ ทำงานและพักอยู่ใน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงเดินทางไปสืบสวนและเฝ้าสังเกตการณ์จนพบผู้ต้องหาตรงตามหมายจับ จึงแสดงตนเป็นตำรวจ พร้อมแสดงบัตรและหมายจับ

 

 

นายอาทิตย์ฯ ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับในหมายจับ และยังไม่เคยถูกจับมาก่อน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ต่าง ๆ แล้วนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าได้นำบัญชีของตนให้แฟนเก่าใช้ และไม่ได้รับเงินจากการเปิดบัญชีดังกล่าวแต่อย่างใด