- 26 พ.ค. 2568
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที หรือรู้สึกหิวตลอดเวลา ทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปไม่นาน? ความรู้สึกหิวบ่อยไม่ใช่แค่เรื่องของความอยากอาหาร
1. นอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับมีผลอย่างมากต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่ม ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) หรือ "ฮอร์โมนแห่งความหิว" จะสูงขึ้นเมื่อคุณนอนน้อย ในขณะที่ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) หรือ "ฮอร์โมนแห่งความอิ่ม" จะลดลง นั่นหมายความว่าเมื่อคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและน้ำตาล
2. กินอาหารที่ไม่มีใยอาหารและโปรตีนเพียงพอ
ใยอาหาร (Fiber) และโปรตีน (Protein) เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น การบริโภคอาหารที่ผ่านการแปรรูปสูง มีน้ำตาลมาก และมีใยอาหารหรือโปรตีนน้อย เช่น ขนมปังขาว น้ำหวาน หรือขนมขบเคี้ยว จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและตกลงอย่างฉับพลัน ทำให้คุณรู้สึกหิวอีกครั้งในเวลาอันสั้น ในทางตรงกันข้าม โปรตีนและใยอาหารจะใช้เวลาย่อยนานกว่า ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง
3. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
บางครั้งร่างกายอาจสับสนระหว่างความกระหายน้ำกับความหิว เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมความรู้สึกทั้งสองนี้อยู่ใกล้กัน การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังหิว ทั้งที่จริงแล้วร่างกายต้องการน้ำ หากคุณรู้สึกหิวบ่อย ลองดื่มน้ำเปล่าแก้วใหญ่ๆ ก่อนที่จะหาอะไรกิน อาจช่วยลดความอยากอาหารที่ไม่จำเป็นได้
4. ความเครียดและอารมณ์
ความเครียดสามารถส่งผลต่อฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียด เมื่อคอร์ติซอลสูงขึ้น ร่างกายอาจรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีน้ำตาลและไขมันสูง (Comfort Food) เพื่อปลอบประโลมจิตใจ นอกจากนี้ การกินตามอารมณ์ เช่น เบื่อ เศร้า หรือกังวล ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึกหิวบ่อยได้เช่นกัน
5. การออกกำลังกายหนัก
แม้การออกกำลังกายจะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่การออกกำลังกายที่หนักและใช้พลังงานสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ได้เติมพลังงานทดแทนอย่างเพียงพอ อาจทำให้ร่างกายรู้สึกหิวมากขึ้น เพื่อชดเชยพลังงานที่ใช้ไป สิ่งสำคัญคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอสำหรับการฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย