เตือนเช็กสัญญาณอันตราย เปิดกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสอาการรุนแรง หากติดโควิด

"หมอโอ๊ค" เตือนโควิดกลับมาระบาดหนัก เช็กสัญญาณอันตราย เปิดคนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสอาการรุนแรง หากติดโควิด

ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2568 นพ.ศุภฤกษ์ วิจารณาญาณ หรือ หมอโอ๊ค เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก หมอโอ๊ค DoctorSixpack ได้เผยถึงอาการโควิด-19 ล่าสุด โดยระบุว่า "โควิดกลับมาระบาดหนัก ส่วนมากอาการไม่หนัก แต่กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตได้ เช็กด่วนสัญญาณอันตราย ถ้ามีอาจตาย ไปรพ. ด่วน"

 

เตือนเช็กสัญญาณอันตราย เปิดกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสอาการรุนแรง หากติดโควิด

สัญญาณอันตราย ที่ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที แม้ช่วงแรกจะอาการเบา แต่เพื่อนๆ อย่ารอให้ทรุด เพราะ "โควิดสายพันธุ์ XEC" มีลักษณะคืออาการจะหนักในวันที่ 4-7 หลังติดเชื้อ หมอโอ๊คขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มชัด ๆ


กลุ่มอาการทั่วไปที่ควรเริ่มจับตา

  • ไข้สูง > 38.5 องศานานเกิน 2 วัน
  • ไอไม่หยุด ไอแรง ไอแล้วเจ็บหน้าอก
  • หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย แม้ไม่ได้ทำกิจกรรม
  • รู้สึกเบลอๆ สมองช้า คิดอะไรไม่ออก
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง เหมือนร่างกาย "โดนดูดพลัง"
  • หากมีอาการเหล่านี้ให้เริ่มเตรียมตัวตรวจซ้ำหรือขอปรึกษาแพทย์ทันที


กลุ่มอาการวิกฤต ต้องรีบไป รพ. ทันที

  • หายใจไม่ทัน เหมือนขาดอากาศแม้แค่นั่งเฉยๆ
  • แน่นหน้าอก ใจสั่น
  • ซึมมาก ง่วงผิดปกติ พูดไม่รู้เรื่อง
  • ปากเขียว ปลายมือปลายเท้าเย็นจัดหรือเขียว
  • ปัสสาวะน้อย หรือไม่ถ่ายปัสสาวะเลยนานเกิน 8–10 ชม.
  • มีอาการชัก หรือหมดสติ
  • เด็กเล็กมีอาการร้องไห้เสียงแหบ หายใจครืดคราด หรือดูดนมได้น้อยลงอย่างชัดเจน


อาการเหล่านี้ไม่ควรรอ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที หรือโทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน


หมอโอ๊คสรุปสั้นๆ : กลุ่มเสี่ยงต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด และถ้าเริ่มมีอาการเตือนต้องรีบสังเกตและขอความช่วยเหลือเร็วที่สุด อย่ารอให้ทรุด เพราะบางคนทรุดเร็วในคืนเดียวครับ

 

เตือนเช็กสัญญาณอันตราย เปิดกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสอาการรุนแรง หากติดโควิด

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสอาการรุนแรงหากติดโควิด

แม้ว่าสายพันธุ์ XEC ที่ระบาดอยู่ในไทยตอนนี้จะทำให้คนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่กับ “กลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม” เมื่อรับเชื้อแล้ว ร่างกายอาจรับมือไม่ทันจนเกิดอาการรุนแรง ต้องนอน รพ. หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ครับ


1. เด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 1 ปี

  • ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์
  • ปอดและระบบทางเดินหายใจยังเล็กมาก ติดเชื้อแล้วลงปอดได้เร็ว
  • เด็กบางคนแสดงอาการช้า พอป่วยแล้วทรุดไวมาก
  • สังเกตยาก เพราะยังพูดไม่ได้


สัญญาณที่พบบ่อยในเด็กเล็ก

  • ไข้สูงเกิน 38.5 องศา
  • หายใจเร็วหรือมีเสียงครืดคราด
  • กินนมน้อยลง ซึม ง่วงผิดปกติ
  • ปากเขียว เล็บม่วง ปลายมือปลายเท้าเย็น


2. ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

  • มีการเสื่อมของระบบภูมิคุ้มกันตามวัย
  • มักมีโรคร่วม เช่น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ
  • อาการอาจไม่ชัด แต่ทรุดไว เช่น ไม่ค่อยพูด ซึม นอนมากผิดปกติ
  • การตอบสนองต่อไวรัสช้ากว่าคนหนุ่มสาว


3. ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

  • เบาหวาน : น้ำตาลสูงทำให้เชื้อไวรัสแบ่งตัวได้ดีขึ้น และภูมิต้านทานทำงานช้าลง
  • ความดันโลหิตสูง : มีภาวะหลอดเลือดแข็ง เสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
  • โรคหัวใจ : เชื้อไวรัสกระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น
  • โรคไตเรื้อรัง : ขับของเสียช้า ภูมิอ่อน
  • โรคปอด : เช่น ถุงลมโป่งพอง หรือหอบหืด จะยิ่งเสี่ยงหายใจลำบากมากขึ้น


4. ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

  • ผู้ที่รับยากดภูมิ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง, SLE, โรคข้ออักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ติดเชื้อ HIV ที่คุมเชื้อไม่ดี
  • คนที่นอนดึก เครียดเรื้อรัง พักผ่อนน้อย จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยครับ (เพราะภูมิตกแบบซ่อนเร้น)


5. หญิงตั้งครรภ์

  • ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน
  • ระบบไหลเวียนเลือดและปอดทำงานหนักอยู่แล้ว
  • มีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือคลอดก่อนกำหนดหากติดโควิด


อาการเหล่านี้ไม่ควรรอ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที หรือโทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

 

ขอบคุณ FB : หมอโอ๊ค DoctorSixpack