- 29 พ.ค. 2568
รวบ "มิสเตอร์โนบอดี้" ตระเวนลักทรัพย์หมู่บ้านหรู ยึดของกลางเพียบ เจอประวัติโชกโชน พร้อมแจ้งข้อหาหนักหลังขจับกุม
191รวบมิสเตอร์โนบอดี้ ตระเวนลักทรัพย์หมู่บ้านหรู ” ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมที่เกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินของประชาชนอย่างจริงจัง กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล , พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ, พ.ต.อ.อาวุธ อุดมรัตน์, พ.ต.อ.อภิฌาน สวัสดิบุตร, พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.ศตวรรษ คนชุม ,พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส รอง ผกก.สายตรวจฯ ,พ.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้ จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย
1. นายแก้ว หรือนายกฤษณีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี(บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) (ผู้ถูกจับที่ 1)
2. นายนิติกร หรือนิ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี (ผู้ถูกจับที่ 2)
พร้อมด้วยของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ชนิดเกล็ดใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดกดปิด-ดึงเปิด น้ำหนักชั่งพร้อมถุงประมาณ 0.48 กรัม
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบน สีส้ม บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสชนิดกดปิด-ดึงเปิด จำนวน 1 ถุง มียาบ้าจำนวน 27 เม็ด
3. อุปกรณ์การเสพยาเสพติด จำนวน 2 ชุด
พร้อมสิ่งของที่ตรวจยึด
1. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีบี 500 เอ็กซ์เอ สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1กฎ 8877 ชลบุรี พร้อมกุญแจ 1 ชุด (รถจักรยานยนต์ ที่นายแก้วหรือนายกฤษณีย์ฯ ใช้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ )
2. หมวกนิรภัย(หมวกกันน็อค) ยี่ห้อไอดี สีดำมีลายสีม่วงเขียว จำนวน 1 ใบ
3. ธนบัตรไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 5 ฉบับ
4. เหรียญสกุลเงินต่างประเทศ จำนวน 38 เหรียญ
5. กำไร คล้ายหยก จำนวน 1 วง
6. แหวน จำนวน 4 วง
7. กระเป๋าสะพาย สีดำ จำนวน 1 ใบ
8. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO รุ่น A17 สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง
โดยแจ้งข้อกล่าวหา
“ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” สถานที่จับกุม บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี วัน เดือน ปี ที่ตรวจค้น/จับกุม วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 21.40 น.
พฤติการณ์กล่าวคือ ด้วยเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 16.26 น. สน.คันนายาว และ งานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รับแจ้งเหตุว่าภายในหมู่บ้านย่านปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุทรัพย์สินภายในบ้านถูกรื้อค้นและมีทรัพย์สินสูญหาย โดยไม่ทราบว่ามีผู้ใดเอาไป โดยทรัพย์สินที่สูญหายคือ ธนบัตรเงินต่างประเทศ เช่น ธนบัตรเงินดอลลาร์สหรัฐ, ธนบัตรเงินดอลลาร์ไต้หวัน และธนบัตรเงินหยวน รวมมูลค่าเป็นเงินไทยราคาประมาณ 500,000 บาท ผู้แจ้งได้รับความเสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์แก่พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว และ ตำรวจงานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวนจนกระทั้งทราบตำหนิ รูปพรรณ และยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยลักษณะแผนประทุษกรรมในครั้งนี้พบว่า คนร้ายจะขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะและเดินสำรวจมาตามเส้นทางที่คนร้ายใช่ก่อเหตุและหลบหนี โดยคนร้ายจะเลือกเป้าหมายที่เป็นหมู่บ้านหรู จนได้มีโอกาสก่อเหตุ ในหมู่บ้านหรูย่านรามอินทรา โดยเมื่อคนร้ายก่อเหตุจะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า และใช้ถุงน่องปิดบังบริเวณศีรษะเพื่อให้ไม่สามารถจดจำตำหนิรูปพรรณของตนเองได้ เมื่อก่อเหตุเสร็จคนร้ายก็ได้เปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิม และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว และ ตำรวจงานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รวบรวมพยานหลักฐานจัดทำรายงานการสืบสวนส่งมอบให้แก่ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สน.คันนายาว ดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญามีนบุรี และต่อมาศาลอาญามีนบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด
ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่าชายไทยไม่ทราบชื่อ ปรากฏตามภาพถ่าย ตามหมายจับฉบับดังกล่าวหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ2 ชุดจับกุม ออกเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ จอดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ2 ชุดจับกุม จึงกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านหลังดังกล่าว
จนกระทั้งเวลาประมาณ 21.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบชายไทยไม่ทราบชื่อ ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับฉบับดังกล่าว (ต่อมาทราบว่าชื่อนายแก้ว หรือนายกฤษณีย์ สงวนนามสกุล/ผู้ถูกจับที่ 1) และนายนิติกร หรือนิ สงวนนามสกุล (ผู้ถูกจับที่ 2) อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านกำลังช่วยกันเข็นรถจักรยานยนต์เข้าไปเก็บที่บริเวณข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งแสดงหมายจับฉบับดังกล่าวให้นายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) ดูและอ่านเอง นายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) รับว่าตนเองเป็นบุคคลตามภาพถ่ายในหมายจับฉบับดังกล่าวจริง และจากการซักถามขยายผลนายแก้วฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) ให้การว่าตนได้เข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านที่เกิดเหตุในหมู่บ้านปัญญาอินทราจริง และได้มาพักที่บ้านของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอเข้าตรวจสอบภายในบ้านพักของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) เพื่อตรวจสอบหาทรัพย์สินที่ได้จากการประทุษกรรมมาเพื่อตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าวยินยอมและสมัครใจด้วยตนเองนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจสอบภายในบ้านพัก ผลการตรวจสอบไม่พบทรัพย์สินที่ได้จากการประทุษกรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจพบยาเสพติด(ของกลางรายการที่ 1 – 2) และอุปกร์การเสพยาเสพติด(ของกลางรายการที่ 3) วางอยู่ที่บริเวณห้องนอนชั้นล่างซึ่งเป็นห้องนอนของนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) สอบถามนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) ให้การรับว่ายาเสพติดที่พบนั้นเป็นของนายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) ซึ่งเอามาเสพร่วมกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งแก่ผู้ถูกจับทั้งสองคนว่าพวกเขาต้องถูกจับกุมพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ
ต่อมาได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสองคนมาจัดทำประวัติและบันทึกจับกุมที่ งานสายตรวจ2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ต่อมาได้ขอทำการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นของผู้ถูกจับทั้งสองคน ผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายทั้งสองคน จึงนำไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอีกครั้งที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี โดยผู้ถูกจับกุมทั้งสองคนยินยอมและสมัครใจ ผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายผู้ถูกจับกุมทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับกุม
ทั้งสองคนทราบอีกครั้งว่า “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิให้ทราบ ชั้นจับกุมนายแก้ว ฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) และนายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) ทราบข้อกล่าวหาแล้วให้การรับสารภาพ
จากการตรวจสอบประวัตินายแก้วฯ(ผู้ถูกจับที่ 1) พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 755/2568 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด, หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 478/2565 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า, หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 477/2565 ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน
และพบประวัติการกระทำความผิดและเคยถูกจับกุม อีก 7 คดี ประกอบด้วย
1. คดีเสพยาเสพติด ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ปี 2553
2. คดีพกพาอาวุธปืนฯ พื้นที่ สภ.นิคมพัฒนา จว.ระยอง ปี 2554
3. คดีครอบครองยาไอซ์ พื้นที่ สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ปี 2558
4. คดีเสพยาเสพติดในขณะขับขี่ พื้นที่ สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี
5. คดีลักทรัพย์โดยทำลายสิ่งกีดขวาง
6. คดีลักทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี
7. คดี มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สน.สำราญราษฎร์
จากการตรวจสอบประวัตินายนิติกรฯ(ผู้ถูกจับที่ 2) พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 264/2566 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับทั้งสองคนพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป