- 02 มิ.ย. 2568
ยุงลายเป็นพาหะนำโรค การระบาดของโรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน การรู้เท่าทันและสังเกตอาการของโรคไข้เลือดออกได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
เช็กอาการไข้เลือดออก: สัญญาณเตือนภัยที่คุณไม่ควรมองข้าม
ไข้เลือดออก (Dengue Fever) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการของไข้เลือดออกมีความหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการเลยไปจนถึงมีอาการรุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา การสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที
อาการของไข้เลือดออกสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลักๆ ได้แก่
ระยะไข้สูง (Febrile Phase)
ไข้สูงเฉียบพลัน: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและเป็นอาการเด่นของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูงถึง 39-40 องศาเซลเซียสอย่างฉับพลัน ไข้จะสูงตลอดเวลาหรือมีลักษณะไข้สูงลอย มักกินเวลาประมาณ 2-7 วัน
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและรอบกระบอกตา
ปวดเมื่อยตามตัว: อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือปวดกระดูก
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน: อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
หน้าแดง ผิวหนังแดง: บางรายอาจมีผื่นแดงคล้ายผื่นหัด หรือมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามผิวหนัง (Petechiae)
ต่อมน้ำเหลืองโต: อาจคลำได้ต่อมน้ำเหลืองที่คอหรือขาหนีบโต
ระยะวิกฤต (Critical Phase)
ระยะนี้มักเกิดขึ้นหลังจากไข้ลดลง: โดยทั่วไปประมาณวันที่ 3-7 ของการเจ็บป่วย เป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
ไข้ลดลง: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าไข้ลดลงหรือหายเป็นปกติชั่วคราว ทำให้เข้าใจผิดว่าหายแล้ว
อาการแสดงของภาวะช็อก: หากผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะช็อก จะมีอาการมือเท้าเย็น ซึมลง กระสับกระส่าย ปวดท้องรุนแรง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
เลือดออกง่าย: อาจมีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ (ถ่ายอุจจาระดำ อาเจียนเป็นเลือด) ประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือมีจุดจ้ำเลือดตามตัว
ตับโต: อาจคลำพบตับโตและกดเจ็บ
ระยะฟื้นตัว (Convalescent Phase)
หลังจากผ่านพ้นระยะวิกฤตแล้ว: ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
ไข้กลับมาเป็นปกติ: อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้น
เริ่มรับประทานอาหารได้: อาการคลื่นไส้อาเจียนจะลดลง
ผื่นแดง: บางรายอาจมีผื่นแดงกลับมาขึ้นอีกครั้งในช่วงฟื้นตัว มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงแทรกด้วยตุ่มขาวเล็กๆ
สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก
อย่าซื้อยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-inflammatory Drugs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน มารับประทานเองเด็ดขาด เนื่องจากยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้นและเป็นอันตรายถึงชีวิต
ให้รับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ในขนาดที่เหมาะสม และเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ
ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่บ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
รีบไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการผิดปกติที่บ่งชี้ถึงระยะวิกฤต เช่น ปวดท้องรุนแรง อาเจียนมาก ซึมลง มือเท้าเย็น เลือดออกง่าย
การป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด ด้วยการนอนกางมุ้ง ทายากันยุง และทำลายภาชนะที่มีน้ำขังในบริเวณบ้านและรอบๆ บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว