ไข้เลือดออก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้และวิธีสังเกตอาการ

ยุงลายเป็นพาหะนำโรค การระบาดของโรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน การรู้เท่าทันและสังเกตอาการของโรคไข้เลือดออกได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

เช็กอาการไข้เลือดออก: สัญญาณเตือนภัยที่คุณไม่ควรมองข้าม

ไข้เลือดออก (Dengue Fever) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการของไข้เลือดออกมีความหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการเลยไปจนถึงมีอาการรุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา การสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที

ไข้เลือดออก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้และวิธีสังเกตอาการ

 

อาการของไข้เลือดออกสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลักๆ ได้แก่

ระยะไข้สูง (Febrile Phase)

ไข้สูงเฉียบพลัน: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและเป็นอาการเด่นของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูงถึง 39-40 องศาเซลเซียสอย่างฉับพลัน ไข้จะสูงตลอดเวลาหรือมีลักษณะไข้สูงลอย มักกินเวลาประมาณ 2-7 วัน

ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและรอบกระบอกตา

ปวดเมื่อยตามตัว: อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือปวดกระดูก

เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน: อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

หน้าแดง ผิวหนังแดง: บางรายอาจมีผื่นแดงคล้ายผื่นหัด หรือมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามผิวหนัง (Petechiae)

ต่อมน้ำเหลืองโต: อาจคลำได้ต่อมน้ำเหลืองที่คอหรือขาหนีบโต

ไข้เลือดออก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้และวิธีสังเกตอาการ

ระยะวิกฤต (Critical Phase)

ระยะนี้มักเกิดขึ้นหลังจากไข้ลดลง: โดยทั่วไปประมาณวันที่ 3-7 ของการเจ็บป่วย เป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

ไข้ลดลง: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าไข้ลดลงหรือหายเป็นปกติชั่วคราว ทำให้เข้าใจผิดว่าหายแล้ว

อาการแสดงของภาวะช็อก: หากผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะช็อก จะมีอาการมือเท้าเย็น ซึมลง กระสับกระส่าย ปวดท้องรุนแรง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

เลือดออกง่าย: อาจมีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ (ถ่ายอุจจาระดำ อาเจียนเป็นเลือด) ประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือมีจุดจ้ำเลือดตามตัว

ตับโต: อาจคลำพบตับโตและกดเจ็บ

ระยะฟื้นตัว (Convalescent Phase)

หลังจากผ่านพ้นระยะวิกฤตแล้ว: ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดีขึ้นตามลำดับ

ไข้กลับมาเป็นปกติ: อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้น

เริ่มรับประทานอาหารได้: อาการคลื่นไส้อาเจียนจะลดลง

ผื่นแดง: บางรายอาจมีผื่นแดงกลับมาขึ้นอีกครั้งในช่วงฟื้นตัว มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงแทรกด้วยตุ่มขาวเล็กๆ

สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก

อย่าซื้อยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-inflammatory Drugs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน มารับประทานเองเด็ดขาด เนื่องจากยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้นและเป็นอันตรายถึงชีวิต

ให้รับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ในขนาดที่เหมาะสม และเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ

ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่บ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

รีบไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการผิดปกติที่บ่งชี้ถึงระยะวิกฤต เช่น ปวดท้องรุนแรง อาเจียนมาก ซึมลง มือเท้าเย็น เลือดออกง่าย

การป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด ด้วยการนอนกางมุ้ง ทายากันยุง และทำลายภาชนะที่มีน้ำขังในบริเวณบ้านและรอบๆ บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว

ไข้เลือดออก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้และวิธีสังเกตอาการ