ภูมิธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น

ภูมิธรรม ย้ำสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น หวังประชุม JBC 14 มิ.ย. นี้ ช่วยคลี่คลาย ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น

9 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อวาน ได้ผล สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จ เป็นกระบวนการที่พยายามพูดคุยกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก

 

และระดับแม่ทัพ ประสานงานต่อเนื่อง ได้ให้ทูตทหารของเราที่กัมพูชาเป็นตัวขับเคลื่อนประสานงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้คุยกันทุกระดับ ซึ่งมีการพูดคุยกันต่อเนื่องจนถึงเมื่อวาน ตอน 11:00 น. ที่สรุปไปแล้วว่าทาง สมเด็จฮุนเซนต์ อยากหาข้อสรุปที่เป็นสันติด้วยกัน เพราะคิดว่าการเกิดสงครามไม่มีประโยชน์ ตนจึงได้เรียนไปว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบ การสั่งให้ทหารรบการมันเร็วและง่าย แต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้เกิดการยุติโดยที่ไม่ต้องมีการสูญเสีย นั่นคือทิศทางหลักที่เราทำ 

อีกทั้ง ได้คุยกันวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สุดท้ายสิ่งที่สำคัญคือเราอยากขอลดการเผชิญหน้าและมีมาตรการเพิ่มขึ้น เราได้คุยกันตั้งแต่นายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ข้อสรุปขั้นต้น และพยายามที่จะเคลียร์ ตอนที่ตนออกมามีความเข้าใจกันที่คลาดเคลื่อน ทำให้เหมือนกับว่าตกลงการคุยกันจะไม่ยุติ มีการคุยกันใหม่ ได้คุยกันหลังจากระดับสูงของเขายินยอมที่จะหาทางออกร่วมกัน หลังจากนั้นได้ประสานให้กองทัพประสานกองทัพกัมพูชา ประสานผ่านมาทางทูตทหาร เราตกลงกันว่าไปดูด้วยกัน อยากให้จับมือไปสำรวจพื้นที่ด้วยกัน และอยากให้ไปดูว่าจริงๆ มันเป็นอย่างไร และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

ภูมิธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่มีการปะทะกันคือหัวใจสำคัญ ได้ส่งนายทหารมา เราก็ส่งรองแม่ทัพภาคที่สอง คิดว่ารองแม่ทัพภาคที่สองคุ้นเคยกับพื้นที่ รู้ภาษาและมีความสัมพันธ์ระดับแม่ทัพภาคต่างๆ จึงส่งไปคุย สถานการณ์ก็ดี ข้อตกลงที่เราขอเขายอมก็คือ ขอให้มีการไปเดินสำรวจพื้นที่ด้วยกัน จะให้มีการสำรวจกันทั้งสองฝ่าย ให้เป็นเหมือนเดิม ส่วนคูเลตที่เกิดขึ้นมาขอให้กลบ ซึ่งได้ถ่ายภาพตอนที่ยังไม่กลบ และตอนกลบแล้ว เพื่อยืนยันว่าสถานการณ์ตรงนี้เป็นการจัดการที่เป็นจริง

ภูมิธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น

และขอให้ปรับไปเหมือน ปี 67 ซึ่งความหมายตรงนี้ตนอยากให้ยึดถือ เพราะช่องทางยุติได้อย่างสงบ ก็คือปรับกำลังกันไป และเขาก็ไปอยู่ในจุดเดิม เราก็มาอยู่จุดเดิมของเรา ซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าเราได้ประสบความสำเร็จในการยุติการเผชิญหน้า เป็นข้อแรกสุดเลยที่เราอยากได้ เพื่อให้สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายลง ถือว่าอยู่ในจุดที่ยุติเรียบร้อยแล้ว 

ต่อจากนี้ จะเป็นการประชุมวันที่ 14 มิถุนายน ตามวาระที่คุยกันตั้งแต่ต้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังยืนยันว่าส่วนใหญ่ข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาคุยเชิงเทคนิค แต่เราก็อยากให้เคลียร์ตรงนี้ให้ชัดเจนว่าเส้นแดนตรงนี้ มันจะประคองกันไปอย่างไร จนกว่าจะมีข้อตัดสิน หรือเงื่อนไขอะไรในการที่จะตัดสินใจ วันที่ 14 มิถุนายน คงจำกัดเรื่องลดการเผชิญหน้า ซึ่งเป็นข้อแรกก็ยกเลิกไป ขณะนี้บรรยากาศค่อยๆ คลี่คลายและดีขึ้น ได้คุยกันในเชิงของเจบีซีเป็นหลัก ส่วนกรณีของปราสาทต่างๆ เรายังยืนยันไม่อยากให้เอามาคุยกันตรงนี้ แต่ถ้าเขาดีดขึ้นมาเราก็ยินดีรับฟัง ต้องดูว่าจะคลี่คลายไปอย่างไร 

ภูมิธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยถึงกรณีการปิดด่านด้วยว่า เราได้คุยกับทางกองทัพแล้ว เพราะว่าตอนที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. มติของเราคือให้หน้างานลดความตึงเครียด และลดความกดดัน เพราะหน้างานแต่ละที่ไม่เหมือนกัน การประกาศปิดด่านไปทั้งหมด ยิ่งเพิ่มข้อขัดแย้ง ให้มากขึ้น ซึ่งเราก็ลดสิ่งนี้ลง และให้ดูตามความเป็นจริง มีการพูดคุยกันกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่สอง แม่ทัพภาคที่หนึ่ง และคุยกับกองกำลังจันทบุรีแล้วว่า เราจะเบาไปหาหนัก เพราะสิ่งที่เราต้องการคือเราจะไม่ยอมให้เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

ชีวิตประชาชนชายแดนทั้งสองฝั่งและทหารแนวหน้าของเรา เราอยากแก้ปัญหาแต่เราไม่อยากใช้ความรุนแรงเพื่อให้เกิดความเสียหาย ความอดทนอดกลั้นครั้งนี้ต้องขอบคุณกองทัพที่เข้าใจมาโดยตลอด และประสานงานในการช่วยแก้ไขปัญหาจนกระทั่งความสำเร็จในเรื่องนี้เกิด ทุกอย่างที่ได้คุยกัน ตนใช้สนามไชยสอง คือ พลเอกณัฐพล นาควานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนประสานงานตลอด

 

และเป็นคนรับบริหารจากกระทรวงกลาโหมไปประสานงานกับเหล่าทัพทุกส่วน ซึ่งก็ดี ส่วนตนก็คุยกันในเรื่องที่สำคัญ หากมีปัญหาตัดสินใจก็ให้แจ้งมา เราก็พยายามจะแก้ปัญหาต่างๆ ต้องขอบคุณทุกๆ ส่วนประชาชนทั้งสองประเทศที่ได้ใช้ความอดทนอดกลั้นแม้ว่าจะมีอารมณ์อะไรไปบ้าง ก็ได้ช่วยทำให้การคลี่คลายจบลงด้วยดี ขอบคุณทหารทุกฝ่ายที่มีความอดทนอดกลั้น ไม่ทำให้เหตุการณ์มันรุนแรง คลี่คลายมาถึงจุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี จากนี้ไปคงเป็นเรื่องของการกำหนดการคลี่คลายเรื่องเขตแดนกับทางกัมพูชา ว่าจุดที่เราจำกัดไว้ในการคุยเรื่องพื้นที่ปะทะ และต้องวางมาตรการระยะยาวต่อไปซึ่งจะเป็นกระบวนการที่คุยกัน ก็ต้องรอการคลี่คลายต่างๆ อีกสักระยะหนึ่ง 

 

เมื่อเช้าตนเองได้คุยกับ พลเอกณัฐพล ให้แต่ละที่ดูว่าความคลี่คลายและความจำเป็นจะจัดการด่านอย่างไร เพราะด่านตอนนี้จริงๆ เราไม่ได้ปิดเลย เป็นเพียงแค่จำกัดเวลาจำกัดคนเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่กระทบการค้ายังได้อยู่ เพียงแต่คนที่เข้าออก และมาตรการที่เรากำลังทำตอนนี้ ยังอยู่ในมาตรการ Seal stop save เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ไม่ได้ เราก็ดำเนินการต่อ คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดี 

 

เมื่อคืนได้รายงานนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา และได้ประสานงานกับแม่ทัพภาคที่สอง ผู้บัญชาการทหารบก และพลเอกณัฐพล ตลอดเวลา 

 

ส่วนความสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจากมาตรการจำกัดเวลาเปิดปิดด่านด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า มันมีหลายมาตรการไม่ใช่การปิดด่าน มันเป็นการจำกัดเวลา แต่สิ่งที่สำคัญ การประสานงานที่พูดคุยกันกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯ ฮุน เซน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คลี่คลายลง หลังจากท่าทีทั้งสองมีความเข้าใจมากขึ้น กระบวนการที่เกิดขึ้นจากทางกองทัพกัมพูชามันจึงได้เกิดขึ้น และมาตรการที่เราทำก็อาจจะเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยมันเกิดข้อสรุปได้ง่ายขึ้น

ภูมิธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ดีขึ้น

และการตรึงกำลังของกัมพูชาตามแนวชายแดน ที่ตอนแรกมีการระบุว่าตรึงกำลังประมาณ 10,000 กว่าคน  จะลดลงไปด้วยหรือไม่นั้น เดี๋ยวเราจะดูและตนเองเชื่อว่าจะค่อยค่อยคลี่คลายลง แต่ความที่มันตึงเลยและจะปลดทันทีมันก็คงถูกในวิสัย ตอนนี้มันก็ค่อยค่อยลดจุดเผชิญหน้าก็ค่อยค่อยถอยขยับปรับกำลังกันไปแล้ว ส่วนอื่นๆมันตรึงกำลังจริงแต่มันไม่ได้มีลักษณะที่จะปะทะกัน มันตึงเครียดจริงๆมันก็อยู่แถวแถวช่องบก กับแถวสามเหลี่ยมมรกต ต้นพระยาสัตบรรณ ซึ่งอันนี้ตรงนี้คลี่คลายลงแล้ว