จับปลาประหลาดได้ที่แม่น้ำกก นำไปตรวจผลออกมาน่าตกใจกว่าที่คิด

อีกหนึ่งภาพที่สร้างความฮือฮา เมื่อเพจเฟซบุ๊ก สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เผยแพร่ภาพปลาแข้ซึ่งชาวประมงจับได้จากแม่น้ำกก จ.เชียงราย พร้อมระบุว่า ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีการพบปลาผิดปกติในแม่น้ำหลายสายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ และสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่ชาวประมงท้องถิ่น

 

ทางสมาคมได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเก็บตัวอย่างปลาไปตรวจสอบเชิงวิทยาศาสตร์ หลังพบว่าปลาบางส่วนมีอาการติดเชื้อรุนแรง มีตุ่มขึ้นตามตัว และเริ่มส่งผลต่อสุขภาพของปลาอย่างชัดเจน แม้ผลตรวจสารโลหะหนักในปลายังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ค่าสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำกลับเกินเกณฑ์ที่กำหนด

ผลตรวจสารโลหะหนักจากปลาหลายจุดในพื้นที่

ผลตรวจวิเคราะห์สารโลหะหนักจากกรมประมง ผ่านห้องปฏิบัติการกลางจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า
วันที่ 11 เม.ย. 2568 (หลังฝายเชียงราย)

• สารหนู 0.013 mg/kg
• สารปรอท (Hg) 0.09 mg/kg

วันที่ 28 เม.ย. 2568 (แม่น้ำโขง อ.เชียงแสน)

• สารปรอท 0.14 mg/kg
• สารตะกั่ว (Pb) 0.05 mg/kg

วันที่ 1 - 2 พ.ค. 2568 

• จุดที่ 1 โป่งนาคำ : สารปรอท 0.054 mg/kg, ตะกั่ว 0.11 mg/kg
• จุดที่ 2 ฝายเชียงราย : สารปรอท 0.089 mg/kg
• จุดที่ 3 แม่น้ำกก ต.เวียง อ.เชียงแสน: สารปรอท 0.13 mg/kg

แม้ค่าดังกล่าวยังไม่เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัย แต่ชาวประมงในพื้นที่ เช่น นายบุญสุข สุวรรณดี ชาวบ้านสบคำ อ.เชียงแสน ให้สัมภาษณ์ด้วยความกังวลว่า รายได้จากการจับปลาลดลงจนแทบไม่เหลือ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มถดถอย

ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ได้เร่งเก็บข้อมูลผลกระทบจากหลายพื้นที่ พร้อมเตรียมส่งปลาตัวอย่างเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการ เจรจาปิดเหมืองต้นตอของสารพิษ อย่างถาวร

 

ด้าน นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมฯ ระบุว่า “สถานการณ์ตอนนี้เรายังพบปลาที่มีลักษณะการติดเชื้ออยู่ และเมื่อพบปลาที่มีสารพิษในตัว ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหมือง ตอนนี้ปลาผิดปกติกระจายถึงแม่น้ำโขงแล้ว เราต้องใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานในการเรียกร้องปิดเหมืองให้เด็ดขาด”

อีกทั้งสมาคมฯ ย้ำว่าปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องปลาหรือชาวประมง แต่เป็นปัญหาใหญ่ของ สิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหารของประชาชน ในระยะยาว พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่บอกว่า “ยังไม่เกินมาตรฐาน” เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีท่าทีชัดเจนจากหน่วยงานรัฐต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่กระแสกดดันจากภาคประชาชนและองค์กรสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้น โดยเรียกร้องให้ ตรวจสอบอย่างโปร่งใส และพิจารณาทางเลือกในการ ปิดเหมืองที่ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อชุมชนและธรรมชาติ

ภาพ - ข้อมูลจาก สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต