- 12 มิ.ย. 2568
“อายุน้อยก็เป็นโรคไตได้!” หมอเจดเตือนพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายไตแบบไม่รู้ตัว แค่กินเค็ม ดื่มน้ำน้อย ใช้ยาแก้ปวดพร่ำเพรื่อ เสี่ยงฟอกไต!
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
“อายุน้อยก็เป็นโรคไตได้” ไม่อยากฟอกไตอ่านด่วน !
หลายคนคิดว่า “โรคไต” เป็นเรื่องของผู้สูงอายุ คนแก่เท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วคนที่ยังหนุ่มสาว อายุไม่ถึง 40 ก็มีโอกาสเป็นโรคไตได้เหมือนกัน
บางคนยังไม่ทันจะได้ผ่อนรถหมด ไตก็เริ่มทำงานแย่ลงแบบไม่รู้ตัวแล้ว
วันนี้เลยมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมคนอายุน้อยถึงเป็นโรคไตได้? แล้วต้องระวังยังไง ต้องอ่านนะ
แบ่งเป็น 6 ข้อง่ายๆ ไปเลยครับ! แล้วต้องระวังยังไง ต้องอ่านนะ
1.ดื่มน้ำน้อย + กินเค็มเยอะ = สูตรลัดทำร้ายไต
หลายคนกินเค็มโดยไม่รู้ตัวเลยครับ เพราะ “รสเค็ม” ไม่ได้อยู่แค่ในน้ำปลาหรือเกลือ
แต่ซ่อนอยู่ในพวกของหมักดอง ขนมขบเคี้ยว เครื่องปรุง ซุปก้อน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกล่องแช่แข็ง
ซึ่งคนรุ่นใหม่กินพวกนี้แทบทุกวัน
แล้วหลายคนก็ดื่มน้ำน้อย กินแต่น้ำหวาน น้ำชง น้ำอัดลม
กลายเป็นว่า “ไตต้องทำงานหนักมาก” เพราะ
•ต้องขับเกลือและของเสียที่เยอะ
•แต่ได้น้ำน้อย ทำให้เลือดข้น ระบบกรองของไตทำงานไม่ราบรื่น
•น้ำตาลสูงทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด รวมถึงหลอดเลือดในไตด้วย
ความเค็มมากไป + น้ำดื่มน้อย = ไตเสื่อมเร็วขึ้น
โดยเฉพาะในคนที่มีพันธุกรรมไตไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หรือมีโรคประจำตัวอื่นซ่อนอยู่
2. ปวดหัวนิด ปวดเมื่อยหน่อย กินยาแก้ปวดไปก่อน?
กลุ่มยาที่ทำร้ายไตแบบไม่รู้ตัวคือ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs
เช่น ยาแก้ปวดข้อ ยาลดไข้ปวดกล้ามเนื้อทั่วไป เช่น ibuprofen, diclofenac, mefenamic acid ฯลฯ
ที่หาซื้อง่ายมาก แค่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยา
ยากลุ่มนี้ถ้าใช้ต่อเนื่องบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุจำเป็น หรือใช้โดยไม่ดื่มน้ำให้พอ
อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง จนเกิดภาวะไตขาดเลือดเฉียบพลัน
หรือในระยะยาวอาจเกิด Interstitial Nephritis (การอักเสบของเนื้อไต)
แต่ ๆๆ อันนี้เน้นย้ำนะไม่ได้บอกว่า “ห้ามกินเลย” นะครับ
แต่ขอให้กินเมื่อจำเป็น และระวังอย่ากินต่อเนื่องนานๆ
ถ้าใช้เกิน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปหาหมอจะดีที่สุดครับ
3.เบาหวาน ตัวเงียบที่ทำลายไต
หลายคนคิดว่า “เบาหวานมันแค่เรื่องน้ำตาลสูง”
แต่จริงๆ แล้ว เบาหวานเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของโรคไตเรื้อรัง
ในทั้งคนวัยกลางคนและคนอายุน้อยด้วย
แล้วทำไมเบาหวานทำลายไต?
เพราะน้ำตาลในเลือดที่สูงนานๆ จะไปทำลายหลอดเลือดฝอยที่ไต
ทำให้ระบบกรองของไตรั่ว โปรตีนรั่วออกมากับปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของไตเสื่อม
ภาวะนี้เรียกว่า “Diabetic Nephropathy” หรือ “เบาหวานลงไต”
ที่น่ากลัวคือเบาหวานในวัยรุ่นและวัยทำงานเริ่มพบมากขึ้น
เพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น
•กินหวานจัด กินขนม น้ำชง น้ำอัดลมทุกวัน
•ไม่ค่อยออกกำลังกาย
•นอนดึก เครียดเยอะ ฮอร์โมนปั่นป่วน
เดี๋ยวนี้บางคนอายุยังไม่ถึง 35 ก็เริ่มมีระดับน้ำตาลสูงแล้ว แบบไม่รู้ตัว
พอปล่อยไว้นานโดยไม่ได้ตรวจร่างกาย น้ำตาลก็ทำลายไตไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ
ถ้ามีเบาหวานอยู่แล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่กินยา แต่ต้อง ควบคุมน้ำตาลให้ดีจริงๆ เพื่อป้องกันไตพัง
โดยเฉพาะการคุม HbA1c ให้อยู่ในเป้า (<7%) และตรวจค่ายูเรีย-ครีเอตินีน + ตรวจโปรตีนในปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ
4.ใบกระท่อม ยาเสพติด ยาลดน้ำหนักเถื่อน ไตพังแบบไม่รู้ตัว
ช่วงหลังมานี้ ใบกระท่อมกลายเป็นของที่ “เข้าถึงง่าย” และหลายคนเข้าใจว่าเป็นสมุนไพรธรรมชาติ
แต่ความจริงคือ สารในกระท่อม (ไมทราไจนีน – Mitragynine) มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทคล้ายฝิ่น
และอาจมีผลต่อไตโดยตรงได้เช่นกัน
เสี่ยงยังไง?
•ใช้ติดต่อกันนานๆ ร่วมกับน้ำหวานหรือยาแก้ไอ = เพิ่มภาระไต
•ทำให้ขาดน้ำ ปัสสาวะบ่อย ไตกรองของเสียได้ยากขึ้น
•มีรายงานว่าทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันในบางราย
ยิ่งกว่านั้น บางคนใช้คู่กับยาเค ยาอี หรือยาลดน้ำหนักเถื่อน
ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อไตแบบรุนแรงมาก เช่น
•กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
•กรดยูริกสูง
•ภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ
ถ้าใครคิดว่า “อายุยังน้อย กินนิดๆ ไม่เป็นไร”
บอกเลยนะว่ารู้ตัวอีกทีอาจจะต้องฟอกไตแล้วแบบไม่ทันตั้งตัว
5.ไตอักเสบจากภูมิคุ้มกันก็เจอในวัยรุ่น
บางคนไม่ได้กินเค็ม ไม่ได้กินยาแก้ปวดเลย แต่ก็ยังเป็นโรคไต
เพราะมาจาก โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง เช่น SLE (โรคพุ่มพวง), IgA nephropathy, Lupus nephritis ฯลฯ
ที่ทำให้ไตอักเสบเรื้อรังได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ลองสังเกตนะว่า มีอาการแบบนี้ไหม
•ปัสสาวะมีฟองเยอะผิดปกติ
•ขาบวมตอนเช้า
•ปัสสาวะมีเลือด
•เหนื่อยง่าย เพลียเรื้อรังทั้งที่นอนพอ
บางคนไม่รู้ตัวเลย เพราะอาการค่อยๆ มา และคิดว่าเป็นแค่เหนื่อยหรือพักผ่อนน้อย
กว่าจะมาหาหมออีกทีก็เข้าสู่ระยะไตเสื่อมแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้ารู้สึกผิดปกติเหล่านี้ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไต
อย่ารอให้มีอาการหนัก ควรตรวจปัสสาวะและค่าการทำงานของไตไว้บ้างครับ
ฝากด้วยนะครับไตเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักที่สุดอันหนึ่ง
กรองของเสีย ดูดซึมน้ำ เกลือแร่ ยา อาหารเสริม สารต่างๆ ที่เรากินเข้าไปทุกวัน
อย่ารอให้มีอาการ
เพราะโรคไตส่วนใหญ่ “ไม่มีอาการจนถึงระยะท้าย”
ตรวจเลือดและปัสสาวะปีละครั้ง ดื่มน้ำให้พอ กินอาหารให้สมดุล
แค่นี้ก็ช่วยให้ไตทำงานได้นานขึ้นแล้วครับ
ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ