- 12 มิ.ย. 2568
ดื่มกาแฟคู่มื้ออาหาร แต่รู้ไหมว่าการทำแบบนี้เป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเราได้
“ดื่มกาแฟคู่มื้ออาหาร” หลายคนติดนิสัยจิบกาแฟคู่มื้อเช้า หรือดื่มกาแฟหลังมื้อเที่ยงทันที แต่รู้ไหมว่าการทำแบบนี้เป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเราได้
ทำไมกาแฟกับอาหารถึงไม่ควรอยู่ด้วยกัน?
ปัญหาหลักๆ มาจากสารบางชนิดในกาแฟ โดยเฉพาะ แทนนิน (Tannins) และ โพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งที่ควรรู้
- ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กตัวร้าย: นี่คือผลกระทบที่สำคัญที่สุด! สารในกาแฟจะเข้าไปจับกับ ธาตุเหล็กชนิด Non-heme (ที่พบในพืช ผัก ผลไม้ ธัญพืช) ทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยลงมาก หากคุณเป็นคนทานเนื้อสัตว์น้อย หรือมีภาวะโลหิตจางอยู่แล้ว พฤติกรรมนี้จะยิ่งซ้ำเติมปัญหา
- ลดประสิทธิภาพการดูดซึมแร่ธาตุอื่น: ไม่ใช่แค่ธาตุเหล็ก แร่ธาตุสำคัญอื่นๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ก็อาจถูกกาแฟรบกวนการดูดซึมได้เช่นกัน ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้จำเป็นต่อระบบกระดูก ภูมิคุ้มกัน และการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย
- กระตุ้นกรดในกระเพาะ: กาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร การดื่มพร้อมอาหารอาจทำให้ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน หรือกระเพาะอาหารไว มีอาการแย่ลง ไม่สบายท้อง หรือท้องอืดหลังมื้ออาหารได้ง่ายขึ้น
ทางออกที่ดีกว่า: ดื่มกาแฟอย่างไรให้ได้ประโยชน์เต็มที่?
ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเลิกดื่มกาแฟ! แค่ปรับเวลาเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากทั้งอาหารและกาแฟ:
- เว้นช่วงเวลา: ควรดื่มกาแฟ ก่อนหรือหลังมื้ออาหารหลักอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาดูดซึมสารอาหารจากอาหารได้เต็มที่
- สังเกตร่างกาย: หากคุณรู้สึกท้องอืด ไม่สบายท้อง หรือมีอาการผิดปกติหลังดื่มกาแฟพร้อมอาหาร ลองปรับเวลาดู แล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลง
- เน้นอาหารหลากหลาย: ทานอาหารให้ครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ตับ สัตว์ปีก หรือเสริมวิตามินซี (ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก) ควบคู่ไปด้วย หากกังวลเรื่องการขาดธาตุเหล็ก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ แค่นี้ ก็ช่วยให้คุณยังคงเพลิดเพลินกับกาแฟแก้วโปรดได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะขาดสารอาหารที่จำเป็น