เปิดปมแค้น ชนวนยิงสนั่นร้านอาหารดัง มือปืนสารภาพสิ้น

จากกรณีเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. 2568 เกิดเหตุยิงกันในร้านอาหารดังบางเขน โดย พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน พร้อมด้วย พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2, พ.ต.ท.โกศลปิยะ สีมา รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส., พ.ต.ต.ยุรนันท์ เพชรมณี สว.สส. และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ได้ร่วมกันรับมอบตัวนายภิเษก สำเภาเงิน หรือ “โอ” อายุ 28 ปี มือปืนพร้อมของกลาง ประกอบด้วย อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระสุนปืน 1 นัด ซองพกสีดำ และกระเป๋าสะพาย 1 ใบ

 

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทภายในสวนอาหารบางบัว ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยพบร่องรอยเหตุชุลมุน โต๊ะ-เก้าอี้กระจัดกระจาย รอยเลือด และปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก รวมถึงกระจกหน้าต่างร้านแตกร้าวจากกระสุน

จากคำให้การของพนักงานร้าน พบว่ามีกลุ่มลูกค้ากว่า 20 โต๊ะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองผลประมูลงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ขณะเกิดเหตุ มีชาย 2 คนทะเลาะกันในโต๊ะหนึ่ง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะชักอาวุธปืนยิงใส่คู่กรณี 2 นัด กระสุนถูกผู้บาดเจ็บ 1 นัดบริเวณหน้าอก อีก 1 นัดพลาดไปโดนกระจกหน้าต่าง

ผู้บาดเจ็บคือนายพรชัย โหรสกุล อายุ 50 ปี ให้การว่าทะเลาะกับนายภิเษกระหว่างพูดคุยเรื่องการประมูลงานรื้อถอนอาคาร และถูกยิงกลางวงเลี้ยง ก่อนจะถูกเพื่อนพาส่งโรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุ นายภิเษกหลบหนีไป และในเวลาต่อมาได้เข้ามอบตัว โดยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง อ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว เพราะเห็นนายพรชัยจะหยิบปืนเข้ามาทำร้ายพ่อของตน จึงยิงสวนไป 2 นัด และหลบหนีจากที่เกิดเหตุ
 

 

เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายภิเษกยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องสืบสวน สน.บางเขน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปส่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในเวลา 09.30 น.

 

 

เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา ได้แก่

1. พยายามฆ่าผู้อื่น
2. พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. มีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต (ปืนผิดมือ)

จากการตรวจสอบ อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนมีทะเบียน แต่ผู้ครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมายคือญาติของนายภิเษก

 

 

ขณะผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติม นายภิเษกปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดของงานประมูล โดยให้เหตุผลว่ายังไม่ได้พักผ่อนและรู้สึกเบลอ ก่อนถูกนำตัวส่งศาลอาญาเพื่อดำเนินการฝากขังตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป