- 17 มิ.ย. 2568
ไขมันพอกตับ หรือภาวะไขมันสะสมในตับ เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพคนไทยจำนวนมาก หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับภาวะนี้ เพราะไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนในระยะแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้
1. อาหารที่มีน้ำตาลสูงและเครื่องดื่มรสหวานจัด
น้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) ที่พบมากในน้ำอัดลม ชานมไข่มุก น้ำผลไม้กล่อง และขนมหวานต่างๆ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลฟรุกโตสมากเกินไป ตับจะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินให้เป็นไขมันสะสมไว้ หากเกิดขึ้นเป็นประจำ ไขมันเหล่านี้ก็จะพอกพูนในตับ จนนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับได้
ตัวอย่าง: น้ำอัดลม, ชานมไข่มุก, ขนมหวาน เบเกอรี่, ลูกอม, ไอศกรีม, น้ำผลไม้กล่องที่มีน้ำตาลสูง
2. อาหารทอดและอาหารแปรรูป
อาหารทอดกรอบต่างๆ และอาหารแปรรูปมักมี ไขมันทรานส์ (Trans Fat) และ ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การบริโภคอาหารเหล่านี้บ่อยๆ จะทำให้ตับทำงานหนักในการกำจัดไขมัน และนำไปสู่การสะสมไขมันในตับได้ นอกจากนี้ อาหารแปรรูปหลายชนิดยังมีส่วนผสมของน้ำตาลและโซเดียมสูง ซึ่งยิ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ตัวอย่าง: ไก่ทอด, หมูกรอบ, เฟรนช์ฟรายส์, โดนัท, ขนมขบเคี้ยว, ไส้กรอก, แฮม, เบคอน
3. คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (ข้าวขาว ขนมปังขาว)
การบริโภค คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว มากเกินไป เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว พาสต้าที่ทำจากแป้งขัดขาว หรืออาหารที่ทำจากแป้งแปรรูปอื่นๆ ร่างกายจะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้เป็นน้ำตาลกลูโคสอย่างรวดเร็ว เมื่อมีน้ำตาลมากเกินความจำเป็น ตับก็จะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินไปเป็นไขมันสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของไขมันพอกตับเช่นกัน
ตัวอย่าง: ข้าวขาว, ขนมปังขาว, เส้นก๋วยเตี๋ยว, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ขนมปบิสกิต
4. แอลกอฮอล์
แม้บทความนี้จะเน้นไปที่ผู้ที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แอลกอฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของไขมันพอกตับและโรคตับต่างๆ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่อง จะทำให้ตับต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดสารพิษ ส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันและทำให้เซลล์ตับถูกทำลายในที่สุด
ตัวอย่าง: เบียร์, เหล้า, ไวน์, สุราต่างๆ
