จับพี่น้องจอมแสบ ขโมยบัตร ATM ตาแท้ๆ ถอนเงินเก็บเกลี้ยงบัญชี

ตำรวจบุกจับกุมสองพี่น้อง ลักบัตร ATM ตาแท้ ๆ วัย 80 ปี ถอนเงินเก็บบั้นปลายชีวิตกว่า 110,000 บาท จนหมดเกลี้ยงบัญชี

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุม นายรัฐภูมิฯ อายุ 19 ปี สถานที่จับกุม บริเวณบ้านในพื้นที่ ม.12 ต. บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อม นายฐิติพงศ์ฯ สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถอะพาร์ตเมนต์ ต.สําโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

ในความผิดฐาน "ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและลักทรัพย์ผู้อื่น(เงินสด) และเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน"

จับพี่น้องจอมแสบ ขโมยบัตร ATM ตาแท้ๆ ถอนเงินเก็บเกลี้ยงบัญชี

สืบเนื่องจาก ช่วงต้นปี 2567 ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้แก่ นายรัฐภูมิฯ และนายฐิติพงศ์ ฯ ได้เดินทางกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นตาแท้ ๆ โดยแสดงความจำนงขออุปสมบทเพื่อทดแทนพระคุณ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความยินดีและไว้วางใจ จึงได้มอบหมายให้หลานช่วยกดเงินผ่านบัตร ATM โดยบอกรหัสผ่านเพื่อเตรียมเงินใช้ในงานบวช

 

เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปตรวจสอบยอดเงินที่ธนาคาร จึงพบว่าเงินในบัญชีได้ถูกถอนออกไปโดยไม่ทราบมาก่อน ตรวจสอบพบรายการถอนเงินผิดปกติหลายครั้ง รวมเป็นเงิน
ทั้งสิ้น 110,000 บาท

 

หลังจากก่อเหตุ นายรัฐภูมิฯ ได้หลบหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับพี่ชาย โดยขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร ต่อมา ผู้เสียหายได้โทรศัพท์ติดต่อหลานชาย และได้รับการยืนยันว่าเงินที่ถอนออกไปได้แบ่งกันใช้กับพี่ชายจนหมดแล้ว ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบ้านเขว้า เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองตามกฎหมาย 

กระทั่งหลังจากหลานทั้งสองลาสิกขาออกจากการบวช ได้แอบลักบัตร ATM ใบเดิมซึ่งผู้เสียหายเก็บไว้ใต้ลังข้างที่นอน และนำไปถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารหลายครั้ง โดยอาศัยความที่จดจำรหัสผ่านได้ตั้งแต่ก่อนบวช


พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนแรก ซึ่งเป็นผู้น้องได้ ที่ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลและติดตามจับกุมผู้ต้องหาคนที่สอง ซึ่งเป็นผู้พี่ ได้ที่ ต.สําโรง อ.พระประแดง จ. สมุทรปราการ จึงได้ส่งตัวให้กับ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป