- 27 พ.ค. 2568
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศระเบียบสำนักงานประกันสังคม เริ่ม 27 พ.ค.นี้ ประกันสังคมคืนเงินสมทบส่วนเกินสูงสุด 900 บาท ครอบคลุม 55 จังหวัด
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ระเบียบสำนักงานประกันสังคมว่าด้วยการคืนเงินสมทบส่วนเกิน ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมเป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญคือ การคืนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเกินจากมาตรการลดอัตราเงินสมทบช่วงเดือนตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568
ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยการขอรับเงินสมทบที่นำส่งไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระคืน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568 ลงนามโดย นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม โดยสาระสำคัญของระเบียบฉบับดังกล่าวจะสอดรับกับการคืนเงินที่สำนักงานประกันสังคมต้องดำเนินการคืนเงินให้กับผู้ประกันตน โดยวิธีดังต่อไปนี้
วิธีการคืนเงิน
สำนักงานประกันสังคมจะคืนเงินในรูปแบบต่อไปนี้:
- เงินสด / เช็ค / ธนาณัติ
- โอนผ่านบัญชีธนาคารที่กำหนด
ผู้มีอำนาจอนุมัติการคืนเงิน ได้แก่ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ และหัวหน้าสำนักงานประกันสังคมแต่ละพื้นที่
มาตรการลดเงินสมทบ
- ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568 ประกันสังคมได้ปรับลดอัตราเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวาตภัยและอุทกภัยใน 55 จังหวัด ดังนี้:
- มาตรา 33: ลดจาก 5% เหลือ 3% (ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายฝ่ายละ 450 บาท)
- มาตรา 39: ลดจาก 432 บาท เหลือ 283 บาท
เงื่อนไขการคืนเงิน
- ครอบคลุมผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 เฉพาะในพื้นที่ 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ
- ผู้ประกันตน ม.33 ไม่ต้องลงทะเบียนเอง นายจ้างเป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่อง
- สถานประกอบการต้องตั้งอยู่ในจังหวัดที่เข้าข่าย
- ผู้ประกันตนจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 900 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนและยอดที่จ่ายเกินจริง
เริ่มโอนคืน พ.ค. 2568
สำนักงานประกันสังคมจะทยอยคืนเงินให้ผู้ประกันตนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป โดยดำเนินการเฉพาะในจังหวัดที่มีประกาศว่าประสบวาตภัยหรืออุทกภัยตามที่กำหนดไว้
โดยมีรายงานว่าตามมาตรการช่วยเหลือของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม เพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ผู้ประกอบการและผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วาตภัยและอุทกภัยในพื้นที่ 55 จังหวัด เป็นระยะเวลา 6 เดือน ระหว่างเดือน ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568
สำหรับมาตรการดังกล่าวได้ปรับลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมลง โดยผู้ประกันตน ม.33 และนายจ้าง ลดจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 3 จ่ายฝ่ายละ 450 บาท และผู้ประกันตน ม.39 ลดจาก 432 บาท เหลือ 283 บาท
ทั้งนี้ เฉพาะพื้นที่ 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่จังหวัดดังต่อไปนี้
- กระบี่
- กาญจนบุรี
- กาฬสินธุ์
- กำแพงเพชร
- ขอนแก่น
- ฉะเชิงเทรา
- ชลบุรี
- ชัยนาท
- ชัยภูมิ
- ชุมพร
- เชียงราย
- เชียงใหม่
- ตรัง
- ตาก
- นครนายก
- นครปฐม
- นครพนม
- นครราชสีมา
- นครศรีธรรมราช
- นครสวรรค์
- น่าน
- บึงกาฬ
- ปราจีนบุรี
- พระนครศรีอยุธยา
- พะเยา
- พังงา
- พิจิตร
- พิษณุโลก
- เพชรบูรณ์
- แพร่
- ภูเก็ต
- มหาสารคาม
- มุกดาหาร
- แม่ฮ่องสอน
- ยโสธร
- ยะลา
- ร้อยเอ็ด
- ระยอง
- ลำปาง
- ลำพูน
- เลย
- สงขลา
- สตูล
- สมุทรสาคร
- สระบุรี
- สิงห์บุรี
- สุโขทัย
- สุราษฎร์ธานี
- สุรินทร์
- หนองคาย
- หนองบัวลำภู
- อ่างทอง
- อุดรธานี
- อุตรดิตถ์
- อุทัยธานี
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม จะเริ่มทยอยโอนเงินส่วนต่างที่ผู้ประกันตนได้จ่ายเกินไปคืนให้ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ค.2568 เป็นต้นไป การโอนเงินคืนนี้จะดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยและอุทกภัยดังกล่าว
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเอง เนื่องจากนายจ้างจะเป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการจะต้องตั้งอยู่ในหนึ่งใน 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยหรืออุทกภัยตามเงื่อนไขที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
ส่วนระยะเวลาที่ผู้ประกันตนจะได้รับเงินคืนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่นายจ้างทำการยื่นเรื่อง ผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้จ่ายเงินสมทบเกินในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 900 บาท/คน จำนวนเงินที่ได้รับคืนจริงจะขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของผู้ประกันตน และยอดเงินที่ได้จ่ายเกินไปจริงในช่วงเวลานั้น