- 03 มิ.ย. 2568
ไวรัสตับอักเสบบี อาจอยู่ในตัวคุณแบบไม่รู้ตัว! เช็กให้ชัดว่าคุณมีภูมิแล้วหรือยัง ก่อนจะสายเกินไป เพราะมันอาจลุกลามถึงขั้น “มะเร็งตับ”
ไวรัสตับอักเสบบี สาเหตุมะเร็งตับ ! "หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
1. ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร แล้วทำไมมันถึงสำคัญขนาดนั้น?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ”ไวรัสตับอักเสบบี" จริงๆ แล้วมันใกล้กว่าที่คิดเยอะเลย
เพราะไวรัสตัวนี้สามารถทำให้เราตับพังโดยที่เราไม่รู้ตัว และหนักสุดคือลามไปถึงขั้น "ตับแข็ง" หรือ "มะเร็งตับ" ได้เลยนะ
ไวรัสตับอักเสบบีทำลายตับโดยตรงเลย พอเราโดนมันเข้าไป บางคนก็อาจจะเป็นแค่อักเสบเฉียบพลัน แล้วหายไปเอง
แต่บางคนเชื้อดันฝังรากอยู่ในร่างกายกลายเป็นพาหะ หรือที่เขาเรียกว่า "ติดเชื้อเรื้อรัง" แบบไม่รู้ตัว
ไม่ป่วย ไม่ออกอาการ แต่ไวรัสทำลายตับแบบเงียบๆ ซึ่งมันแอบน่ากลัวมากนะ
ซึ่ง ถ้าใครเกิดหลังปี 2532 (หรือ 1989) แล้ว "เกิดในประเทศไทย" นะ
กระทรวงสาธารณสุขเขาให้วัคซีนป้องกันไวรัสนี้ฟรีตั้งแต่แรกเกิดเลย
ฉีดครบ 3 เข็มภายใน 1 ปีแรก ชัวร์ๆ ว่ามีภูมิคุ้มกันติดตัวมาตั้งแต่เด็กเลย
แต่ภูมิมันก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิตนะ พอผ่านไป 20-30 ปี ภูมิที่เคยมีก็อาจจะค่อยๆ ลดลง แปลว่าเราก็กลับมาเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้อีกอยู่ดี
2. ไวรัสตับอักเสบบีมันติดต่อยังไง? เสี่ยงยังไง?
เชื้อตัวนี้ไม่ได้ติดต่อแบบง่ายๆ มันต้องมีเลือดหรือสารคัดหลั่งมาเกี่ยวถึงจะติดกันได้ มาดูกันว่าอะไรเสี่ยงบ้าง
1. เลือด
อย่างเช่นใช้ของร่วมกันที่มีโอกาสโดนเลือดปน เช่น มีดโกนหนวด เข็มสัก แปรงสีฟัน หรือการให้เลือด/รับเลือดจากคนที่มีเชื้อ
ถ้าของพวกนี้ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อดีๆ ก็เสี่ยงมากเลย
2. เพศสัมพันธ์
ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีถุงยางก็ยังเสี่ยงอยู่ดี โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผล หรือเป็นเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักที่มีโอกาสเสียดสีเยอะขึ้น
3. ของใช้จากร้านบริการ
อย่างร้านสัก ร้านทำเล็บ ร้านตัดผม ถ้าใช้อุปกรณ์ซ้ำโดยไม่เปลี่ยนหรือฆ่าเชื้อให้ดี อันนี้ก็เสี่ยงนะ แม้ปัจจุบันร้านส่วนใหญ่จะปลอดภัยขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกที่
4. จากแม่สู่ลูก
ถ้าแม่มีเชื้อ ลูกก็มีโอกาสได้รับมาตั้งแต่คลอดเลย แต่โชคดีที่ตอนนี้หมอจะตรวจเช็กให้ทุกคนที่ฝากครรภ์
แล้วถ้าพบว่าแม่มีเชื้อ ก็จะฉีดวัคซีนพร้อมอิมมูโนโกลบูลินให้ลูกทันทีภายใน 12 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
3. แล้วแบบไหน "ไม่ติด" แน่นอน?
ตรงนี้หลายคนยังเข้าใจผิดเยอะมากๆ บางคนกลัวจนไม่กล้าอยู่ใกล้คนที่มีเชื้อ ทั้งที่จริงๆ แล้วไวรัสตับอักเสบบี ไม่ติดง่ายขนาดนั้นเลย
•กินข้าวด้วยกัน ไม่ติดนะ
•จูบกัน ก็ไม่ติด เว้นแต่เลือดปากแตก!
•จับมือ กอด อยู่ห้องเดียวกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน ไม่มีปัญหา
เชื้อไวรัสนี้มันไม่แพร่ผ่านน้ำลายหรืออากาศ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรือรังเกียจคนที่มีเชื้อเลย อยู่ร่วมกันได้ปกติเลยนะ
4. เช็กตัวเองยังไงว่าเรามีภูมิหรือเปล่า?
ถ้าอยากรู้ว่าเราเคยได้รับวัคซีนไหม หรือยังมีภูมิอยู่มั้ย
หรือว่าเคยติดเชื้อแล้วรึเปล่า วิธีที่แม่นที่สุดคือการไปตรวจเลือด ซึ่งหมอจะดูอยู่ 3 ค่าหลักๆ
1. HBsAg ถ้าค่านี้เป็นบวก แปลว่าเราติดเชื้อหรือเป็นพาหะ
2. Anti-HBs ถ้าอันนี้เป็นบวก แปลว่าเรามีภูมิคุ้มกันแล้ว อาจจะมาจากเคยฉีดวัคซีน หรือเคยติดแล้วหาย
3. Anti-HBc ถ้าค่านี้เป็นบวก แปลว่าเคยติดเชื้อมาก่อนแน่ๆ ไม่ว่าจะตอนนี้หายแล้วหรือไม่ก็ตาม
สมมติถ้าไปตรวจแล้วผลออกมาว่า:
•HBsAg: ลบ
•Anti-HBs: ลบ
•Anti-HBc: ลบ
แบบนี้คือไม่มีเชื้อ และไม่มีภูมิอะไรเลย หมอก็จะแนะนำให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันทันทีเลย จะได้อุ่นใจในอนาคต
5. ถ้าตรวจแล้วเจอว่าเรามีเชื้อล่ะ? ต้องทำยังไง?
ถ้าเจาะเลือดแล้วเจอว่า HBsAg เป็นบวก ก็แปลว่าเรามีเชื้ออยู่ในตัว ซึ่งไม่ต้องตกใจ เพราะคนไทยที่มีเชื้ออยู่แบบไม่รู้ตัวมีเป็นล้านๆ คน และหลายคนก็ใช้ชีวิตปกติได้เลยถ้าดูแลตัวเองดีๆ
สิ่งที่ต้องทำก็คือ
•ไปพบหมอเฉพาะทางเพื่อติดตามเชื้อในร่างกายว่าเยอะแค่ไหน (ตรวจค่า HBV DNA)
•ตรวจการทำงานของตับ (ค่า SGOT, SGPT)
•ตรวจผังผืดหรือมะเร็งตับด้วย FibroScan หรืออัลตราซาวด์
ถ้าเราติดตามสม่ำเสมอ รู้เท่าทัน ไวรัสตัวนี้ก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ และยังมีวิธีรักษาหรือควบคุมได้อีกเยอะด้วย
สรุปง่ายๆ สั้นๆ คือ
•ไวรัสตับอักเสบบีไม่ใช่เรื่องไกลตัวนะ ใครๆ ก็มีโอกาสติดได้
•ถ้าเกิดหลังปี 2532 และคลอดในไทย ส่วนใหญ่เคยได้วัคซีนแล้ว แต่ภูมิคุ้มกันอาจตกได้เมื่ออายุมากขึ้น
•เชื้อไม่ได้ติดจากการใช้ชีวิตร่วมกัน กินข้าว จับมือ อยู่ใกล้ชิดกันได้สบาย
•ไปเจาะเลือดตรวจดูให้แน่ใจว่ามีภูมิหรือยัง ถ้าไม่มีจะได้รีบฉีดวัคซีน
•ถ้าเจอว่ามีเชื้อ ก็ไม่ต้องกลัว แค่หมั่นดูแลตัวเอง ตรวจติดตามสม่ำเสมอ ก็อยู่กับมันได้อย่างปลอดภัย
ใครอ่านแล้วมีคำถามหรือสงสัยตรงไหน ลองไปตรวจเลือดดูสักครั้ง หรือถามหมอที่ไว้ใจก็ได้นะ จะได้รู้สถานะของตัวเองชัดๆ แล้ววางแผนดูแลตัวเองต่อไปครับ