ย้อนภาพนาทีประวัติศาสตร์ "ปราสาทพระวิหาร" ก่อนคำตัดสินจากศาลโลก

ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญในวันที่ "เขาพระวิหาร" ตกเป็นของกัมพูชา ท่ามกลางความเจ็บปวดจากการสูญเสียดินแดน แต่มีภาพหนึ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทย

ย้อนเหตุการณ์ปราสาทพระวิหาร” วินาทีประวัติศาสตร์ ทหารไทย "เชิญเสาธงชาติ" จากเขาพระวิหาร "โดยไม่ลดธง" ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญในวันที่ "เขาพระวิหาร" ตกเป็นของกัมพูชา ท่ามกลางความเจ็บปวดจากการสูญเสียดินแดน แต่มีภาพหนึ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทย นั่นคือการที่ทหารไทยปฏิบัติภารกิจ "เชิญเสาธงชาติไทย" ออกจากพื้นที่อย่างสง่างาม โดย "ไม่มีการลดธงลง" แม้แต่นิดเดียว สะท้อนถึงความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของชาติที่ยังคงอยู่ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด

 

ปราสาทพระวิหาร ย้อนปมพิพาทก่อนคำตัดสินประวัติศาสตร์

[ ในวันที่ “เขาพระวิหาร” ตกเป็นของกัมพูชา ทหารไทยเชิญ “เสาธงชาติไทย” จากเขาพระวิหาร โดย “ไม่มีการลดธง” แม้แต่นิดเดียว ]

 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (องค์ต้นราชสกุล “ชุมพล”) ทรงค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี ๒๔๔๒ แล้วทรงจารึกพระนาม และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” และ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นปราสาทที่ได้ชื่อประทานจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว พระองค์มีรับสั่งว่าปราสาทองค์นี้เหมือนปราสาทที่เทพสร้าง จึงเรียกว่า “ปราสาทเทพพระวิหาร” ซึ่งต่อมาเรียกกันทั่วไปว่า “ปราสาทพระวิหาร” คนกัมพูชาออกเสียงเป็น “เปรี๊ยะวิเฮียร์” เรียกตามคนไทยมาตลอด

 

เนื่องจากปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้จนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร กษัตริย์สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒

 

การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่

 

 

ค่ำคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ ๒๐ วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พลโทประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) บอกว่า “...ถ้าเราไปชักธงชาติลง และพับธงเดินกลับมา จะเป็นการเสียเกียรติยศประเทศไทยซึ่งเคยปกครองเขาพระวิหารมาเป็นเวลานาน...”

 

จึงได้ให้ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เชิญเสาธงชาติไทยจากเขาพระวิหาร บนยอดผาเป้ยตาดี ยกเสาธงทั้งต้นลงมา โดยไม่มีการลดธงแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับว่าไทยประชดคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งทางเราก็ตอบโต้ว่า “...เป็นสิทธิของเรา...”

 

และวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ขึ้นทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกในประเทศกัมพูชา

 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากเพจ มเหนทรบรรพต และเพจโบราณนานมา