- 06 มิ.ย. 2568
ไทยหน้าหงาย! "เตีย เซ็ยฮา" ลั่นไม่ถอย! เผยหลังคุย ภูมิธรรม ยันไม่ปรับกำลัง และไม่ถอนกองกำลังทหารกลับไปหลังศาลาตรีมุขเดิม ตามที่ไทยเสนอ
ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ล่าสุด 6 มิ.ย.68 พลเอก เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า บ่ายวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ได้ไปหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไทย ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย เกี่ยวกับความตึงเครียดบริเวณชายแดนที่เกิดขึ้น
จากการหารือนี้ ตกลงที่จะลดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย รักษาการสื่อสาร ความเข้าใจ และรักษาการเจรจาอย่างสันติต่อไปอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทย
โดยฝ่ายไทยขออำนวยความสะดวกให้กองทัพ กลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนเผาโรงเรียนยมจิต เพราะเมื่อปี 2567 ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธและไม่รับคำร้อง เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชามาอย่างยาวนาน ฝ่ายกัมพูชาไม่อาจถอยกลับจากจุดยืนเดิมได้ ตราบใดที่ฝ่ายไทยยังใช้แผนที่และมาตราส่วนต่างกัน เราก็จะไม่พบจุดกึ่งกลางในการรักษาเสถียรภาพชายแดน ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ของการเคารพบันทึกความเข้าใจ 2000 หรือ MOU 2000 เหมือนเช่นในอดีต
ดังนั้น ฝ่ายกัมพูชาจึงตัดสินใจเตรียมส่งเขตแดน 4 เขต คือ มุมเบ็ย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อยุติข้อพิพาทและกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน กัมพูชาตั้งใจยอมรับเพียงสันติภาพ เสถียรภาพ และผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังแสดงความเคารพต่อสิทธิของกัมพูชา ในการยื่น 4 ประเด็นดังกล่าว ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เรายังตกลงที่จะขยายกลไกการเจรจาในการประชุม GBC JBC และ RBC ไปยังประเด็นอื่นๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไทยยังได้ยืนยันและปฏิเสธข้อมูลอันเป็นเท็จทั้งหมด และผลักดันสถานการณ์ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของทั้งกองทัพและประชาชนของเรา เช่น กล่าวถึงการปิดด่านชายแดนระหว่างประเทศ การยกเลิกการประชุม JBC และข่าวไม่เป็นทางการอื่นๆ