ราชกิจจาฯประกาศ การจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า

ประกาศราชกิจจานุเบกษา ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘ ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า พ.ศ. ๒๕๖๘

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่า เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าบรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค ๐๔๐๒.๕/๓๗๗๗๐ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๘ เรื่อง ขอความเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์กำหนดอัตราค่าเสียหายจากช้างป่า 

 

 

โดยกระทรวงการคลังเห็นว่า อัตราค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากช้างป่าตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว และเพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบได้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงออกระเบียบไว้ ดังนี้

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าจากงบกลาง พ.ศ. ๒๕๖๘”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ในระเบียบนี้

“ผู้ได้รับผลกระทบ” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร และรวมถึงทายาทของผู้เสียชีวิตด้วย
“ทรัพย์สิน” หมายความว่า วัตถุ สิ่งของที่มีรูปร่าง มีเจ้าของ และได้รับผลกระทบจากช้างป่าทำให้เกิดความเสียหาย
“เงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่า” หมายความว่า เงินที่ได้รับการจัดสรรจากงบกลาง
“หัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์” หมายความว่า หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าวนอุทยาน หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ หรือหัวหน้าสวนรุกขชาติ

ข้อ ๔ อัตราเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่าให้เป็นไปตามอัตราท้ายระเบียบนี้

ข้อ ๕ ผู้ได้รับผลกระทบที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่า กรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ดังนี้

(๑) ไม่เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมที่ระบุได้ว่ามีเจตนาเข้าไปทำลายป่า หรือเข้าไปในพื้นที่ที่มีช้างป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควรจำเป็น
(๒) มีการป้องกันดูแลตนเองอย่างเช่นวิญญูชนพึงกระทำ
(๓) ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนเป็นเหตุให้ถูกช้างป่าทำร้าย
(๔) ไม่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ หรือกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ข้อ ๖ ผู้ได้รับผลกระทบที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่า กรณีพืชผลทางการเกษตรหรือทรัพย์สินเสียหาย ต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือที่ดิน หรือสิทธิครอบครอง หรือเป็นผู้เช่าทรัพย์สินหรือที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย

ข้อ ๗ ผู้ได้รับผลกระทบที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาตามข้อ ๖ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ ต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือมีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ อันเนื่องมาจากการกระทำผิดตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้:

พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒

พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒

พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔

และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ข้อ ๘ ขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในการช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายที่เกิดจากช้างป่ามีรายละเอียด ดังนี้

(๑) ให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ หรือผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขา แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหาย โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้

(ก) กรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ประกอบด้วย ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นประธานกรรมการ ให้มีกรรมการจำนวนไม่เกินสองคน และให้หัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ เป็นกรรมการและเลขานุการ

(ข) กรณีพืชผลทางการเกษตร หรือทรัพย์สินเสียหาย ประกอบด้วย หัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่า หรือหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้มีกรรมการจำนวนไม่เกินสามคน

(๒) ให้ผู้ได้รับผลกระทบแจ้งขอรับการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากช้างป่าภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ทราบเหตุ ต่อเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าหรือเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานในพื้นที่ และให้เจ้าหน้าที่แจ้งต่อหัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อประสานแจ้งประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหายให้ทราบ และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหายโดยทันที

(๓) ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหายมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

(ก) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหายในพื้นที่ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่า

(ข) รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและผลการประเมินความเสียหาย พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง ต่อผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ หรือผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาแห่งท้องที่ที่เกิดเหตุโดยทันที เพื่อเสนอต่อผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ภายใน ๗ วันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือทราบเหตุ

(๔) ให้ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและผลการประเมินความเสียหาย เสนอขออนุมัติและใช้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่าต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยทันที

(๕) เมื่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาค่าเสียหายจากช้างป่าให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบหรือทายาทรายใดแล้ว จะต้องเบิกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือทายาทภายใน ๕ วันทำการ และให้สำนักบริหารงานกลางรายงานผลการโอนเงินให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าทราบภายใน ๕ วันทำการ นับแต่วันที่โอนเงิน

ข้อ ๙ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า ทั้งกรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ เสียชีวิต พืชผลทางการเกษตรเสียหาย หรือทรัพย์สินเสียหาย ให้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา นับแต่วันที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

ข้อ ๑๐ ให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้

ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘
อรรถพล เจริญชันษา
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช