เปิด "5อาการลำไส้อักเสบ" ใครมีไปหาหมอด่วน ก่อนกลายเป็น "มะเร็ง"

คุณกำลังปวดท้องบ่อย ถ่ายเหลวเรื้อรัง หรือผอมลงแบบไม่ตั้งใจอยู่หรือเปล่า? อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แต่อาจเป็นสัญญาณของ “ลำไส้อักเสบเรื้อรัง” หรือ IBD โรคเรื้อรังที่ถ้าปล่อยไว้ เสี่ยงลุกลามกลายเป็นมะเร็งลำไส้ได้

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า 

5 อาการลำไส้อักเสบ

ปล่อยไว้เสี่ยงมะเร็ง !

“ท้องเสียเรื้อรัง” หรือ “ปวดท้องบ่อย ๆ”

หลายคนอาจจะมีอาหารนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ และคิกว่าจะหายไปเองนะ

จริงๆแล้วมันคืออาการที่ลำไส้กำลังผิดปกติ

เราเรียกโรคนี้ว่า Inflammatory Bowel Disease (IBD)

ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ทำให้ลำไส้ของเรามีการอักเสบแบบเรื้อรัง

ที่พบบ่อยมี 2 โรค คือ

เปิด "5อาการลำไส้อักเสบ" ใครมีไปหาหมอด่วน ก่อนกลายเป็น "มะเร็ง"

•Crohn’s disease: อักเสบได้ทุกส่วนของระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากไปจนถึงรูทวาร

•Ulcerative colitis: จะอักเสบแค่ที่ลำไส้ใหญ่เท่านั้น โดยเริ่มจากล่างสุดแล้วลามขึ้นไป

บางคนอยู่กับอาการพวกนี้มาเป็นปี ๆ

กินยาแก้ท้องเสีย แก้ปวดท้องก็ไม่ดีขึ้น เพราะจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องอาหารไม่ย่อยหรือกระเพาะธรรมดา

ซึ่งโรคนี้ปล่อยไว้ก็เสี่ยงมะเร็งลำไส้นะครับ

ลองมาเช็กกันครับว่า ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ 5 ข้อที่ผมจะเล่าต่อไป

อาจถึงเวลาต้องพบหมอแล้วจริง ๆ นะ

1. ปวดท้องบ่อย จนชีวิตติดขัด

เรื่องปวดท้องนี่ใคร ๆ ก็เคยเป็นใช่ไหมครับ

แต่ปวดที่หมอพูดถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่ปวดนิดหน่อยตอนหิวหรือหลังกินเผ็ดนะ

แต่มันคืออาการปวดท้องแบบที่ เป็นประจำ เป็นเรื้อรัง และมักจะมาแบบไม่บอกล่วงหน้า

•ถ้าเป็น Crohn’s disease จะปวดที่ ด้านขวาล่างของท้อง

(เพราะตรงนั้นคือลำไส้เล็กส่วนปลาย ที่มักอักเสบ)

•ถ้าเป็น Ulcerative colitis มักจะปวดที่ ด้านซ้ายล่าง หรือ ท้องน้อย

อาการอาจปวดหน่วง ปวดบีบ เหมือนท้องจะระเบิด

บางคนปวดจนต้องหยุดทำงาน หยุดเที่ยว หรือไม่กล้าออกจากบ้านเลยก็มี

สิ่งที่น่าสงสัยคือ มัน ปวดซ้ำ ๆ ปวดเรื้อรัง และยาคลายกล้ามเนื้อก็เอาไม่อยู่

ถ้าคุณมีอาการปวดท้องแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แนะนำว่าอย่ารอให้มันหายเองครับ

ควรไปหาหมอและตรวจหาสาเตุจริงๆนะครับ

2. ถ่ายเหลวบ่อย ๆ หรือมีมูกเลือดปน

อีกอาการที่คนส่วนใหญ่มองข้ามเลยคือ “ท้องเสีย”

แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแค่วันสองวัน แล้วหาย...

แต่กลับเป็นแบบ ถ่ายวันละ 3-5 รอบ ถ่ายทุกวัน ถ่ายเรื้อรังเป็นเดือน ๆ

อันนี้ต้องเริ่มสงสัย IBD แล้วครับ

•ถ้าเป็น Ulcerative colitis อุจจาระจะมักมี มูกปนเลือด ด้วยนะ

•ถ้าเป็น Crohn’s disease อาจถ่ายเหลว ถ่ายมัน ๆ คล้ายมีไขมันปน

อันนี้มันกระทบกับการใช้ชีวิตมากนะ

บางคนถ่ายจนผอม ถ่ายจนเหนื่อย ต้องตื่นกลางคืนมาห้องน้ำ

หรือกลัวการไปเที่ยว เพราะหา “ห้องน้ำไม่ทัน”

และไม่ใช่เพราะกินอะไรผิดนะครับ เพราะบางคนกินอาหารอ่อนๆ

อย่างข้าวต้มเปล่าก็ยังถ่าย

ถ้ามีอาการถ่ายเหลวเรื้อรัง หรือมีเลือดในอุจจาระอยู่บ่อย ๆ

แบบนี้ต้องรีบหาหมอนะ

3. น้ำหนักลดแบบไม่รู้ตัว กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน

อาการนี้หลายคนดีใจ แต่บอกเลยว่า ถ้าน้ำหนักลดแบบไม่ได้ตั้งใจอไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

เพราะ IBD ทำให้ลำไส้ของเราดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง ร่างกายเลยเหมือน “ขาดพลังงานตลอดเวลา”

บางคนกินปกติ กินเยอะด้วยซ้ำ แต่น้ำหนักยังค่อย ๆ ลด

หรือบางคนก็เริ่มเบื่ออาหาร เพราะรู้สึกไม่ย่อย กินแล้วแน่นท้อง พอไม่อยากกิน น้ำหนักก็ยิ่งลด

ใน Crohn’s disease จะเจอเยอะมาก เพราะตรงที่อักเสบคือ ลำไส้เล็ก

ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการดูดซึมอาหาร

ถ้าคุณน้ำหนักลด 5-10 กิโลในไม่กี่เดือน โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลด

อย่าคิดว่าเป็นเรื่องดี ควรหาสาเหตุทันที

4. รู้สึกเหนื่อยง่าย ซีด เพลีย ไม่มีแรง

บางคนอาจไม่ได้ปวดท้องหนัก หรือถ่ายเยอะ

แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ทั้งที่ไม่ได้ป่วยหนักอะไร

•เดินนิดเดียวก็เหนื่อย

•หัวใจเต้นเร็ว

•มือเท้าเย็น

•ง่วงทั้งวัน

•หรือหน้าซีด ปากซีด

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ลำไส้ที่อักเสบ ทำให้เสียเลือด และดูดซึมธาตุเหล็กไม่ดี

บางคนมีโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)

บางคนขาดวิตามิน B12 หรือโฟเลต ซึ่งล้วนจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด

โดยเฉพาะ Crohn’s disease ซึ่งมักมีแผลในลำไส้เล็ก ทำให้ดูดซึมพวกนี้ไม่ดีเลย

ถ้าคุณเหนื่อยง่าย เพลียแบบไม่มีเหตุผล ควรลองตรวจเลือดดูระดับฮีโมโกลบิน

แล้วให้หมอช่วยดูว่ามีโรคเรื้อรังแอบแฝงอยู่รึเปล่า

5. มีอาการแปลก ๆ นอกลำไส้ เช่น ปวดข้อ ผื่นขึ้น ตาแดง

หลายคนไม่รู้ว่า IBD มันไม่ได้จบแค่ใน “ลำไส้”

เพราะจริง ๆ แล้วมันคือ “โรคของภูมิคุ้มกัน” ซึ่งอาจแสดงอาการในส่วนอื่นของร่างกายด้วย

ซึ่งมันอาจจะแสดงอาหารแบบนี้นัครับ

•ข้ออักเสบ โดยเฉพาะข้อมือ ข้อเข่า ข้อเท้า

•ผื่นแปลก ๆ เช่น ตุ่มแดงที่หน้าแข้ง หรือผิวหนังอักเสบ

•ตาอักเสบ เจ็บตา แสบตา แพ้แสง

พวกนี้คืออาการที่เรียกว่า “Extra-intestinal manifestations”

ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติร่วมกันกับลำไส้

ถ้ามีอาการทางผิวหนัง ข้อ หรือดวงตา แล้วมีท้องเสียร่วมด้วย

อย่ามองเป็นเรื่องคนละเรื่องเลยครับ เพราะมันอาจมาจาก IBD ได้

สรุปแล้วนะครับลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) เป็นโรคที่ไม่ได้หายขาดง่าย ๆ

แต่ถ้าเรารู้ทันเร็ว และเริ่มดูแลตั้งแต่ยังไม่หนักมาก ก็สามารถควบคุมโรคให้ “นิ่ง” อยู่ได้นาน

ย้ำเลยว่า “การชินกับอาการผิดปกติ” นี่แหละ อันตรายที่สุด

บางคนปวดท้องบ่อย ถ่ายเหลวประจำ เหนื่อยง่าย แต่นึกว่าแค่อาหารไม่ย่อยหรือพักผ่อนไม่พอ

สุดท้ายปล่อยไว้นาน กลายเป็น IBD ระยะที่มีแผลเรื้อรังแล้วต้องใช้ยารักษาหนักขึ้นเรื่อย ๆ

แนวทางรักษาในปัจจุบันไม่ได้มีแค่ยาเท่านั้นครับ

หลายครั้ง “การปรับพฤติกรรมง่าย ๆ” เช่น

• กินอาหารที่ย่อยง่าย

• หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด

• และการเสริมอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีอย่าโพรไบโอติกส์ในลำไส้มันช่วยสร้างสมดุลให้จุลินทรีย์ในลำไส้

ลดการอักเสบ และช่วยให้เยื่อบุลำไส้ฟื้นตัวได้ดีขึ้น

หรือเลือกเป็นอาาหรเสริมที่เลือกสายพันธุ์ให้เหมาะกับลำไส้

ไม่ได้แทนการรักษานะครับ แต่เป็นตัวช่วยเสริมให้ระบบย่อยของเรากลับมาแข็งแรงมากขึ้น

สุดท้าย ไม่ว่าคุณจะใช้ยา อาหาร หรือพึ่งโพรไบโอติกส์เป็นตัวช่วย

อย่าลืมว่าหัวใจของการดูแลโรคนี้คือสังเกตอาการ

และรีบปรับตัวตั้งแต่เนิ่นๆนะครับ ใครมีคำถามหรือสงสัยตรงไหน คอมมนต์ได้เลยนะ