- 17 มิ.ย. 2568
“แผลเล็กแต่อันตรายถึงชีวิต!” หมอเจดเตือนภัยแบคทีเรียกินเนื้อคน แค่โดนหอยบาด หนวดกุ้งตำ หรือเล็บขบ ก็อาจต้องตัดขา ตายภายในไม่กี่ชั่วโมง!
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
แบคทีเรียกินเนื้อคน อันตรายถึงตุย!
แค่แผลเล็ก ๆ ก็ลุกลามถึงชีวิต!
ช่วงนี้หลายคนอาจได้ยินข่าวผู้ชายวัย 38 ปี เสียชีวิตบนรถทัวร์สายโคราช–เชียงใหม่
ไม่มีใครทำร้าย ไม่มีอุบัติเหตุ แต่เจอรอยฟกช้ำตรงขา เลือดซึม แล้วสุดท้ายผลชันสูตรสรุปออกมาว่า
"เกิดจากแบคทีเรียกินเนื้อคน"
ฟังแล้วอาจรู้สึก “มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ก็ต้องบอกเลยว่า ใช่ครับ มันร้ายแรงจริง และอยู่ใกล้กว่าที่คิด
วันนี้เลยอยากเล่าให้ฟังครับว่าคืออะไร อันตรายยังไง ใครเสี่ยง และเราป้องกันตัวเองยังไงดี
1. “แบคทีเรียกินเนื้อคน” คืออะไร?
โรคนี้มีชื่อจริงว่า Necrotizing fasciitis หรือภาษาไทยเรียกว่า “เนื้อเน่า”
คำว่า “แบคทีเรียกินเนื้อคน” เป็นชื่อที่คนเรียกกันเพราะมันดูน่ากลัว
มันเกิดจากแบคทีเรียพวก Streptococcus pyogenes ที่ปกติก็พบได้ทั่วไปในลำคอหรือผิวหนัง
แต่พอมันมีโอกาสเข้าไปในแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลโดนของมีคม แผลโดนน้ำสกปรก หรือแผลหนวดกุ้งตำ
เชื้อนี้จะปล่อยสารพิษออกมา ทำลายเนื้อเยื่อใกล้ ๆ จนกลายเป็นเนื้อตาย
ความร้ายแรงคือ มันลุกลามเร็วมาก บางคนแค่มีแผลฟกช้ำตอนเช้า ตอนเย็นเนื้อตรงนั้นดำ เปื่อย และเริ่มเน่าละ
ในบางราย ถ้าเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้ติดเชื้อรุนแรง ความดันก็จะตก ตามมาด้วยอาการช็อก →เสียชีวิตในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
2. สัญญาณเตือน ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน
หลายคนคิดว่า แผลธรรมดา ๆ คงไม่เป็นไรหรอก
แต่นี่คือโรคที่อาการ “ดูไม่รุนแรง แต่ลุกลามเร็ว” มาก
ถ้าเห็นอาการพวกนี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลเลยนะ:
•แผลบวมแดงร้อน และเจ็บแบบผิดปกติ (เจ็บมากเกินเหตุ)
•เริ่มมีตุ่มน้ำใสหรือน้ำเลือด แล้วผิวหนังเริ่มกลายเป็นสีคล้ำ หรือดำ
•มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย
•เหงื่อแตก ใจเต้นแรง เป็นลมง่าย หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ใหญ่
•แผลลุกลามเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขยายวงขึ้นเรื่อย ๆ
หลายคนตอนแรกเจ็บ ๆ ขา คิดว่าเส้นตึง
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา “เนื้อตรงนั้นตายแล้ว”
ถึงขั้นต้องตัดขาเลยก็มี
3. ใครเสี่ยงบ้าง? ไม่ต้องรอแก่ก็เป็นได้
แม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคที่เจอบ่อยมาก แต่คนที่เสี่ยงก็มีเยอะกว่าที่คิด
ใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ:
•คนที่มีแผล → จากแมลงกัด ของมีคม หรืออุบัติเหตุเล็กน้อย
•คนเป็น เบาหวาน, โรคตับ, มะเร็ง, วัณโรค, ภูมิคุ้มกันต่ำ
•คนที่ใช้ยา Steroid หรือยากดภูมินาน ๆ
•คนที่ชอบกินเหล้าหนัก ใช้ยาเสพติด หรือร่างกายอ่อนแอเรื้อรัง
•คนที่ทำงานลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยทุ่ง เช่นชาวนา ชาวสวน นักท่องเที่ยวทะเลที่มีแผล
มีเคสที่ไปทะเล โดนเปลือกหอยบาดนิดเดียว
กลับมาสองวัน แผลลุกลาม ติดเชื้อเข้าเส้นเลือด ต้องตัดขา
ตอนนี้ที่ ญี่ปุ่นเองก็เจอการระบาดของโรคนี้ จากแผลเล็ก ๆ ที่สัมผัสน้ำทะเล น้ำจืด หรือน้ำเสีย
ประเทศไทยก็มีเหมือนกัน โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด หรือน้ำขังตามท้องนา
4. ถ้าเป็นแล้วรักษายังไง?
อันนี้สำคัญและอยากจะย้ำกับทุกคนนะครับ “ถ้าเป็นแล้วต้องรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เพราะถ้าเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดเมื่อไหร่ โอกาสเสียชีวิตสูงมาก
วิธีรักษาหลัก ๆ มีดังนี้ครับ
รีบผ่าตัดเอาเนื้อตายออกให้หมด เพื่อหยุดการลุกลาม
ให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด (แรง และหลายขนานพร้อมกัน)
ดูแลภาวะช็อก และระบบไหลเวียนเลือด
บางรายจำเป็นต้อง ตัดแขนหรือขา เพื่อรักษาชีวิตไว้
เพราะฉะนั้นเราต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะนั่นอาจจะช่วยให้เรายังมีขาอยู่ หรือช่วยรักษาชีวิตไว้
5. ป้องกันยังไง? เริ่มที่แผลเล็ก ๆ ที่เรามักมองข้าม
โรคนี้ไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คนนะครับ
มันเกิดจากแผลที่โดนเชื้อ ลุกลาม เข้ากระแสเลือด
แปลว่ป้องกันได้ ถ้าเรา “ไม่ประมาทกับแผลเล็ก ๆ”
มาดูวิธีง่าย ๆ ที่ทำได้เลย
•ถ้าเป็นแผล ต้องล้างแผลทันที ด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ
•ทาเบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อ
•ปิดแผลให้ดี ใช้อุปกรณ์สะอาด เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน
•หลีกเลี่ยงลงสระ อ่างน้ำสาธารณะ หรือแช่น้ำ จนกว่าแผลจะหาย
•สังเกตอาการผิดปกติของแผล: บวม แดง เจ็บมาก ตุ่มน้ำ คล้ำ → รีบพบแพทย์
•ถ้าคุณเป็นเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันต่ำ → อย่าเลี้ยงแผลเองเด็ดขาด
การดูแลแผลที่ดี จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคนี้ได้มาก
ไม่ต้องรอให้แผลใหญ่ ไม่ต้องรอให้บวมเป่ง
ถ้ารู้สึกผิดปกติ รีบไปพบแพทย์ดีกว่าครับ
สุดท้ายนี้ฝากด้วยนะครับ “แบคทีเรียกินเนื้อคน” อาจฟังดูน่ากลัว
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ “การไม่รู้ ไม่สนใจแผล และไปหาหมอช้าเกินไป”
โรคนี้ ไม่ได้ติดจากคนสู่คน
ไม่ได้มีเฉพาะในต่างประเทศ
ไม่ได้เป็นแค่คนแก่ หรือคนติดเชื้อรุนแรง
แผลเล็ก ๆ ที่โดนน้ำสกปรก หนวดกุ้ง หอยบาด หรือแค่เล็บขบ ถ้าไม่ดูแลให้ดี ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
เพราะฉะนั้น ดูแลแผลให้ดี
ถ้ามีอาการผิดปกติ รีบไปหาหมอ
แค่นี้เราก็ห่างไกลจากโรคนี้ได้อีกเยอะเลยครับ และลดโอกาสเสียชีวิตด้วย ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ