หมอเจด เปิด "5 พฤติกรรมเสี่ยง" ทำคนไทยเป็น "มะเร็งลำไส้" ไม่รู้ตัว

"หมอเจด" เตือน มะเร็งลำไส้ไม่ใช่แค่คนแก่! ชี้ 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่คนรุ่นใหม่ทำทุกวัน เสี่ยงเซลล์กลายพันธุ์

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า

หลายคนอาจคิดว่า “มะเร็งลำไส้” ต้องเจอในคนแก่เท่านั้น แต่สถิติล่าสุดกลับบอกว่า คนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ก็เป็นกันมากขึ้นทุกปี แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ลองเช็ก 5 พฤติกรรมนี้ดูครับ คุณมีหรือไม่… หมอเจด เปิด 5 พฤติกรรมเสี่ยง ทำคนไทยเป็น มะเร็งลำไส้ ไม่รู้ตัว

1. กินอาหารแปรรูป – ของหมักดอง – ปิ้งย่างบ่อยเกินไป

หมูยอ ไส้กรอก ลูกชิ้น ปลาร้า แหนม ไส้อั่ว แคบหมู ปลาทูไหม้… อาหารที่เราคุ้นเคยแต่เต็มไปด้วย ไนไตรท์, ไนเตรต และสารก่อมะเร็งในกลุ่ม N-nitroso compound โดยเฉพาะเวลาปิ้ง ย่าง จี่จนไหม้ พรุ่งนี้จะน่ากลัวครับเพราะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งมาก

คนไทยนิยมกินของพวกนี้เป็นประจำโดยเฉพาะตอนเช้า (ข้าวเหนียว + ไส้กรอก), หรือช่วงเย็น (หมูกระทะ, ปิ้งย่าง, อาหารอีสาน) โดยเฉพาะช่วงหลังถ้าเป็นบุฟเฟ่ ซึ่งจริงๆแล้วการกินเนื้อหมูธรรมดาหรือการกินเนื้อวัวธรรมดาไม่เท่าไหร่ครับแต่สังเกตดูไหมครับว่าเราจะเห็นมีลูกชิ้นแปรรูป ไส้กรอกสีแดงแดงต่างๆนานา หรือว่าเต้าหู้ปลาชีส พรุ่งนี้แหละครับคือเนื้อแปรรูปที่อันตราย
ซึ่งงานวิจัยจาก WHO ชี้ว่า การบริโภคเนื้อแปรรูปวันละแค่ 50 กรัม เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้ถึง 18%
เห็นเล็ก ๆ แบบลูกชิ้น 2 ไม้ เบคอน 2 แผ่น แต่ถ้ากินทุกวัน = เสี่ยงสะสมระยะยาวครับ

2. ไม่ชอบกินผัก ผลไม้ กากใยต่ำ

ข้าวขาว ขนมจีน แกงเขียวหวาน พะแนง หมูกระเทียม – กินแบบนี้ทุกวัน แต่ “ไม่แตะผัก” เลย
บางคนไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบรส หรือแค่ขี้เกียจเคี้ยว กินอาหารจานด่วนบ่อย ๆ ไม่มีผักเลย กากใยในลำไส้ต่ำมาก
ผลคือ “ของเสียตกค้างในลำไส้” นานขึ้น → สารก่อมะเร็งที่ร่างกายควรขับออกดันถูกดูดซึมกลับ → เกิดการระคายเคืองและกลายพันธุ์ในเซลล์ลำไส้ในระยะยาว

อาหารไทยแม้รสจัด แต่ถ้าไม่มีไฟเบอร์เลย ลำไส้จะอักเสบแบบเงียบ ๆ โดยเราไม่รู้ตัวครับ
ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยอยากจะบอกว่าการกินผักผลไม้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากนะครับนอกจากจะช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดให้กับลำไส้เราแล้วเค้าเองยังช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเร็วเร็วเข้าร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเบาหวานได้ดีอีกหนึ่งอย่าง
รวมไปถึงโปรไบโอติกบางชนิดครับที่ต้องการไฟเบอร์เพื่อรักษาสมดุลย์ให้กับลำไส้ จะได้ป้องกันการเกิดมะเร็ง
คนที่กินไฟเบอร์มากกว่า 25 กรัม/วัน มีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้น้อยกว่ากลุ่มที่กินต่ำกว่า 15 กรัมถึง 22% (J Natl Cancer Inst. 20

3. นั่งทั้งวัน ขยับน้อย ขับถ่ายไม่ตรงเวลา

คนไทยยุคนี้ทำงานหน้าจอมากขึ้น นั่งติดโต๊ะวันละ 8–10 ชั่วโมง แถมบางคนไม่ชอบเข้าห้องน้ำในที่สาธารณะ → กลั้นอุจจาระจนเป็นนิสัย

การไม่ขับถ่ายตรงเวลา ทำให้ของเสียสะสมในลำไส้ใหญ่ → เกิดการหมักหมม → แบคทีเรียบางตัวในลำไส้เปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นสารก่อมะเร็ง

นอกจากนี้ การไม่เคลื่อนไหวร่างกายยังทำให้ peristalsis หรือการบีบตัวของลำไส้ลดลง → ท้องผูกเรื้อรัง
การขับถ่ายที่ดี = ขับตอนเช้า, ไม่เร่ง, ไม่กลั้น และเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ (เดินเร็ว, ขึ้นบันได)
งานวิจัยจาก JAMA Oncol. 2020 บอกว่า คนที่นั่งวันละ >6 ชั่วโมง มีความเสี่ยงมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้นเกือบ 20%

4. ติดหวาน กินน้ำตาลสูงทุกวัน

ชานม 1 แก้ว = น้ำตาลประมาณ 8–10 ช้อนชา
ขนมหวานไทย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ลอดช่อง น้ำกระเจี๊ยบ รวมกันแล้วน้ำตาลล้วน ๆ
น้ำตาลกระตุ้น อินซูลิน ให้หลั่งสูง → ส่งผลต่อฮอร์โมน IGF-1 ที่ช่วยเร่งการแบ่งเซลล์
ถ้าร่างกายมีเซลล์กลายพันธุ์อยู่แล้ว IGF-1 จะเหมือนเติมน้ำมันใส่กองไฟ ทำให้เซลล์ผิดปกติเจริญเร็วขึ้น
งานวิจัยใหม่ ๆ (เช่น BMJ, 2023) ชี้ชัดว่า เครื่องดื่มหวานเพิ่มความเสี่ยงการเกิด polyps หรือเรียกง่ายง่ายว่าตัวอ่อนมะเร็งนั่นแหละครับ

และการกลายพันธุ์ในลำไส้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่กินหวานมากเป็นประจำ
ซึ่งจริงๆแล้วไหนคุณผู้หญิงเนี่ยนอกจากเสียมะเร็งลำไส้แล้วยังเสี่ยงมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ได้อีก

5. นอนดึก ติดมือถือ ระบบร่างกายรวน

หลายคนใช้ชีวิตกลางคืน ติดซีรีส์ ติดมือถือ นอนหลังเที่ยงคืนทุกวัน บางคนตี 1–2 ตื่นสาย
พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ “นาฬิการ่างกาย” หรือ circadian rhythm เสียหาย โดยเฉพาะ การทำงานของลำไส้
ตอนกลางคืน ร่างกายควรซ่อมแซมเซลล์ → ถ้าไม่นอนหรือนอนไม่ดี = ระบบซ่อมเสีย
ผลที่ตามมา: ระบบขับถ่ายรวน → แบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุล → กระตุ้นการอักเสบ → เสี่ยงเซลล์กลายพันธุ์และกลายเป็นมะเร็ง

ในงานวิจัยปี 2018 (Cancer Epidemiol Biomarkers Prev) คนที่นอนผิดเวลาสม่ำเสมอ มีแนวโน้มเกิด colorectal cancer สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ