- 18 มิ.ย. 2568
"ดื้ออินซูลิน" ไม่ใช่เรื่องของคนเป็นเบาหวานเท่านั้น แต่เป็นต้นตอของโรคอ้วน ความดัน ไขมันพุ่ง และโรคหลอดเลือดหัวใจ รู้ไว ปรับก่อน ป้องกันได้
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
ถ้าพูดถึงอินซูลิน หลายคนเข้าใจว่า “ดื้ออินซูลิน”
คือเรื่องของคนเป็นเบาหวานเท่านั้น
แต่ความจริงคือ จุดเริ่มต้นของโรคอ้วน
เบาหวาน ความดัน ไขมันพุ่ง
และโรคหลอดเลือดหัวใจอีกสารพัด
ใครมีอาการต่อไปนี้ซัก 2–3 ข้อขึ้นไป
ก็เป็นไปได้สูงมากว่า “ร่างกายเริ่มดื้อต่ออินซูลิน” แล้วครับ
มาดูกันเลยว่า 5 สัญญาณที่น่าสังเกตมีอะไรบ้าง
1. น้ำหนักขึ้นง่าย ไขมันลงพุง
ใครเคยเป็นบ้าง?
ไม่ได้กินเยอะขึ้น แต่ทำไมกางเกงมันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะตรง “พุง” ที่เริ่มแน่น แข็ง และล้นออกมาชัด
สาเหตุหลักเลยคือ “อินซูลิน” ที่สูงอยู่ตลอดเวลา
พออินซูลินเยอะ มันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสะสมพลังงานในรูป “ไขมัน”
และจุดที่ไขมันพอกได้ง่ายที่สุดก็คือ “รอบอวัยวะภายในช่องท้อง” กลายเป็นพุงนั่นเอง
ซึ่งคนที่มี “Visceral fat” หรือไขมันในช่องท้องมาก มักมีภาวะดื้ออินซูลินแบบเรื้อรัง
และยังเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และไขมันพอกตับอีกด้วย
2. หิวบ่อย อยากของหวาน กินข้าวแล้วอยากของหวานอีก
ภาวะอินซูลินดื้อทำให้กลูโคสไม่สามารถเข้าเซลล์ได้เต็มที่
ถึงเราจะกินอาหารเข้าไปแล้ว แต่พลังงานมันเข้าไม่ถึงเซลล์ ทำให้ร่างกายเลยสั่งให้ “หิวอีก”
ผลคทอ
• อยากกินของหวาน ของมัน
• หิวถี่ขึ้นทุก 2–3 ชั่วโมง
• บางคนกินแล้ว “ง่วง” เพราะน้ำตาลในเลือดแกว่ง
นี่คือวงจรอุบาทว์ของ “หิว-กิน-อินซูลินพุ่ง-หิวใหม่” วนไม่จบ
และยิ่งกินหวานเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งดื้ออินซูลินมากขึ้นเท่านั้นครับ
ใครมีอาการแบบนี้บ่อย ๆ ควรลองลดของหวาน แป้งขัดขาว แล้วเช็กพฤติกรรมดูครับ
3. เหนื่อยง่าย เพลียเรื้อรัง แม้นอนพอ
คนที่มีภาวะดื้ออินซูลิน มักจะรู้สึก “ไม่มีแรง” หรือ “เหนื่อยง่าย”
แม้ว่าจะนอนครบ 7–8 ชั่วโมง หรือไม่ได้ทำงานหนักก็ตาม
เพราะอะไร?
เพราะแม้ร่างกายจะมีพลังงาน จากอาหารแต่น้ำตาลเข้าเซลล์ไม่สะดวก เซลล์ไม่ได้รับพลังงาน
เราจึงรู้สึก “อ่อนล้าเรื้อรัง”
บางคนบอกว่ารู้สึกสมองเบลอ มึน ๆ คิดงานไม่ออก แถมอารมณ์ก็แกว่งง่าย
ทั้งหมดนี้สัมพันธ์กับน้ำตาลในเลือดที่ไม่เสถียร จากอินซูลินที่ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
4. ผิวคล้ำตรงคอ รักแร้ ข้อพับ ขัดยังไงก็ไม่หาย
อันนี้เป็นอาการเฉพาะที่หลายคนไม่รู้ว่าเกี่ยวกับ “อินซูลิน” ที่เรารู้จักว่าคอคาร์บอนนั่นแหละ
ชื่อทางการแพทย์คือ Acanthosis Nigricans ครับ
ลักษณะคือ
• ผิวคล้ำ เหนียวขึ้นเล็กน้อย
• มักเกิดบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับ
• บางคนเข้าใจผิดว่า “ขี้ไคล” แล้วพยายามขัด แต่ก็ไม่หาย
กลไกคือ อินซูลินในเลือดสูงเรื้อรัง ไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณนั้นหนาขึ้น คล้ำขึ้น
พบได้บ่อยในคนที่มี BMI สูง, อ้วนลงพุง หรือเด็กที่กินหวานจัด
5. ตรวจสุขภาพแล้วเจอ ไขมันพอกตับ ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง
ใครเคยตรวจสุขภาพแล้วหมอบอกว่า “ค่าตับขึ้น” หรือ “มีไขมันพอกตับ”
หลายคนตกใจ แต่ไม่รู้ว่า “อินซูลิน” ก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
กลไกคือ
อินซูลินที่สูงเรื้อรังจะกระตุ้นให้ ตับเก็บไขมันไว้มากขึ้น
→ เกิดภาวะ ไขมันพอกตับ (NAFLD) ซึ่งเป็นอาการเงียบ ๆ ที่อันตราย
แถมคนที่อินซูลินดื้อยังมีแนวโน้มไขมัน Triglyceride สูง, HDL ต่ำ และความดันขึ้นด้วย
เพราะอินซูลินมีผลต่อระบบหลอดเลือดและไขมันในร่างกาย
ถ้ามีทั้งไขมันพอกตับ + ไขมันในเลือดสูง + ความดันสูง ต้องสงสัยภาวะดื้ออินซูลินไว้เลยครับ
แล้วเราจะทำยังไง? ถ้ารู้ว่าตัวเองอาจกำลังอินซูลินดื้อ
เริ่มจากเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ก่อนเลยครับ
- ลดน้ำตาล ของหวาน แป้งขัดขาว
- เพิ่มผัก โปรตีนดี และไขมันดีในมื้ออาหาร
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเดินเร็ว + เวทเบา ๆ
- นอนให้พอ (อย่างน้อย 6.5–8 ชม./คืน)
- ลดความเครียด เพราะคอร์ติซอลก็ทำให้ดื้ออินซูลินได้
ถ้าจะให้ดี แนะนำให้ตรวจ Fasting insulin + HOMA-IR ควบคู่กับ FBS, HbA1c ด้วย
เพื่อดูแนวโน้มภาวะดื้ออินซูลินแบบแม่นยำครับ
สรุปอีกทีแบบเข้าใจง่ายๆนะ
ภาวะดื้ออินซูลินอาจไม่ได้ทำให้เรารู้ตัวทันที
แต่มันส่งผลต่อระบบเผาผลาญ, น้ำหนัก, อารมณ์, ผิวหนัง และสุขภาพตับหัวใจของเราแบบเงียบ ๆ
รู้เร็ว = ปรับก่อน = ป้องกันเบาหวานและโรคเรื้อรังได้ตั้งแต่เนิ่นๆ